ดูแลความรักยังไง ให้ ยั่งยืน??

ดูแลความรักยังไง ให้ ยั่งยืน??

เคยสงสัยกันไหมว่า? ทำไมความรักบางทีก็ดูสวยงาม บางทีก็ดูโหดร้าย บางครั้งก็ดูไม่ค่อยมีความหมาย บางครั้งก็ยิ่งใหญ่เกินจะไขว่คว้า เป็นสิ่งที่ยากนักที่จะพูดถึงเรื่องความรักบนโลกใบนี้ ถ้าให้ 100 คน มาพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความรัก ว่าความรักมันคืออะไร มีความหมายต่อชีวิตคุณยังไง หากให้พูดก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป 100 ความคิดเห็นกันเลยทีเดียว เพราะว่าทุกคนต่างก็ใช้ความรู้สึกของตนเองในการเชื่อมโยงเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตเพื่อแสดงออกมาเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่ทุก ๆ มุมมองของความรักนั้นก็ล้วนมาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น มุมมองที่มาจากเรื่องราวที่ได้พบเจอผ่านการออกแบบและสื่อสารความหมายต่อกันและกัน เกิดเป็นพฤติกรรมที่เลือกปฏิบัติที่จำเป็นต้องเอื้อเฟื้อและตอบสนองกัน ในที่นี้กล่าวคือความรักแบบคู่ชีวิต ที่กำลังจะนำเสนอให้เห็นว่า หากอยากให้มีความยั่งยืนนั้นควรเป็นอย่างไร?                 น่าเสียดายนักที่หลาย ๆ ครั้งความตั้งใจของคนเราที่อยากให้เป็น “กลับไม่เป็นดั่งใจหวัง” ความผิดหวังนำพาสู่ความหวาดกลัว ความไม่เชื่อมั่น เมื่อหลาย ๆ คนต้องเจอเรื่องราวที่ผิดหวังจากความรัก เพราะอยากให้รักเป็นดั่งใจหวังและปรารถนาแต่ก็ได้มาเพียงเศษเสี้ยวความรู้สึก ทำให้หลาย ๆ คู่ต้องเลิกรากันไปเพราะเหตุผลมากมายที่เอามาใช้เพื่อหาทางที่จะไม่เข้าใจกัน แน่นอนว่าหากความรักที่มีข้อแม้ตั้งแต่แรกโดยไม่ได้รับความชัดเจนหรือความเข้าใจกันแล้วนั้นย่อมมีวันที่ต้องเกิดปัญหาตามมา ในที่นี้กล่าวคือ หากความรักที่จะยั่งยืนได้จริงนั้นคือ ความรักที่มีคนสองคนยอมรับและจะหาวิธีเข้าใจกันสุดแล้วแต่จะมีปัญหาหรือข้อข้องใจอะไรก็ต้องยอมรับกันก่อนว่าจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันและยอมรับที่จะปรับตัวเข้าหากัน ไม่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่หมายถึงคนทั้งสองคนที่จะต้องทำด้วยความรู้สึกอันแท้จริง ความรักที่ดีคือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน รักที่ดีคือรักที่สามารถเติมเต็มทุกเรื่องราวของกันและกัน ความรักที่ดีคือคอยอุ้มชูและสนับสนุนซึ่งกันและกันแต่คนเราหลาย ๆ คนมักยึดติดกับตัวเองมากจนเกินไป เมื่อต้องการอะไรก็ต้องได้รับอย่างนั้น แน่นอนว่ามันเป็นพื้นฐานความต้องการของมนุษย์โดยทั่วไปอยู่แล้วในเรื่องของความจำเป็นหรือตอบสนองสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ ทำให้ความคิดมักติดอยู่ในหัวเสมอว่าด้านใดก็ไม่สำคัญเท่ามุมมองของตนเองด้านเดียว จนลืมไปว่าอีกมุมมองหนึ่งที่ซึ่งควรเข้าใจและลืมไปว่าเคยได้ตกลงยอมรับที่จะปรับตัวเข้าหาคนที่ซึ่งเป็นคนรักนั้นมันได้หายไปเพราะความคิดที่มีด้านเดียว จนเกิดเป็น “ความคิดที่เห็นแก่ตัว”…

รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

คุณลองสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้างคุณสิ แล้วคุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณหรือพวกเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมติดหน้าจอกันคนละเล็กละน้อย และบางคนอาจจะถึงขั้นหนัก จับมือถือทั้งวัน จะวางก็ตอนชาร์จแบตเท่านั้น ทำราวกับว่านี่คือ อวัยวะส่วนที่ 33 ของร่างกาย พฤติกรรมติดหน้าจอมือถือและอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ มีคำนิยามของนักพฤติกรรมศาสตร์ของต่างประเทศให้ไว้ว่า “Phubbing” ซึ่งย่อมาจาก Phone Snubbing ซึ่งดูเหมือนว่าก็ไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร เพราะเป็นเรื่องของยุคสมัย แต่ใครจะรู้บ้างว่านี่คือ ตัวการที่ทำลายความสัมพันธ์ของมนุษย์และทำให้การเดตครั้งแรกของหลาย ๆ คู่ล่มสลายลงได้ทันทีตั้งแต่เดตแรก ใช้มากเกินจนสะบั้นความสัมพันธ์ นักพฤติกรรมศาสตร์ในต่างประเทศได้กล่าวไว้ว่า Phubbing แม้จะเป็นเรื่องของพฤติกรรม แต่ก็มีความคล้ายกับโรคหรืออาการป่วยเหมือนกัน ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นอาการติดมือถือก็ว่าได้ ซึ่งคนยุคนี้ก็เป็นกันแทบทั้งนั้น ซึ่งนักพฤติกรรมศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า ลองสังเกตช่วงเวลาบนโต๊ะอาหาร หากไปรับประทานอาหารกันแบบครอบครัว หลังจากสั่งอาหารแล้ว คนในครอบครัว แทบจะมีโลกของตนเองทันที นั่นคือ แต่ละคนก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อค่าเวลา ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนที่มือถือจะบูมขึ้นมา ช่วงเวลานั้น ๆ ทุกคนจะยังมีเวลาที่จะพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ มีเวลาเฮฮาและสร้างรอยยิ้มให้แก่กัน แต่วันนี้ ทุกคนจะไปกันคนละทาง แม้ว่าบางคนจะมีเหตุผลว่า ใช้ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยนั้นไปกับการเช็คงาน อ่าน Email หรือ Line จากลูกค้า หรืองานที่บริษัทก็ตาม เพราะโลกปัจจุบันงานนั้นแถบจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่นั้นก็ดูจะเหมือนเป็นข้ออ้างที่ดูมีเหตุผลเท่านั้น เพราะจริง…

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

เราคงเคยได้ยินมาบ้างว่า การมีจะมีความรักนั้นเราต้องรู้จักมีความอดทนอดกลั้น เพื่อจะที่รักษาและพยุงความสัมพันธ์ของเราไปให้ตลอดรอดฝั่ง แต่หลังจากรายการพูดคุยต่อตัวต่อรายการหนึ่งได้สะท้อนเรื่องราวออกมาให้เห็นว่า การอดทนไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความรักที่ดี และความอดทนในบางความสัมพันธ์ก็มีมากจนเกินความพอดี และความอดทนของเรากลายเป็นการทำร้ายใจตัวเอง หรือบางคนอาจจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยด้วยซ้ำ มีผู้ประสบปัญหาด้านความรัก ผลัดเปลี่ยนกันมาพูดเรื่องความรักของตนเอง แต่ที่น่าตกใจคือหลายคนมีปัญหาเดียวกัน คือการมีความอดทนมากจนเกินไป อดทนกับความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว มีทั้งกรณีที่อดทนทำดีเพื่อคิดว่าจะได้ความรักกลับมาเป็นการตอบแทนความดี หรือบางคนยอมลดคุณค่าของตนเอง ยอมเป็นตัวสำรองของคนอื่น ยอมให้ภรรยาหรือสามีของตนเองไปมีคนอื่น แต่กรณีที่หนักสุดคือการอดทน ยอมให้เค้าทำร้ายร่างกายและยอมเป็นฝ่ายผิดเพื่อรักษาคนคนหนึ่งไว้ เป็นฝ่ายขอโทษก่อนเสมอแม้ตนเองจะเจ็บเจียนตาย คำถามคือ ทำไมคนเหล่านี้ถึงทน ยอมเพราะรัก ทุกคนให้คำตอบนี้ มันอาจจะดูสั้น ๆ เชื่อเถอะว่ามันเป็นคำตอบที่ครอบคลุมทุกคำถามของการอดทนแล้ว แต่มันอาจจะเป็นรักที่มีมากกว่ารักตัวเอง และคาดหวังว่าจะได้รับความรักเป็นสิ่งตอบแทน หากพวกเขาอดทน แต่ความอดทนของคนเราก็ต้องรู้จักใช้ให้ถูกที่ ถูกคนและถูกเวลา ความอดทนที่ใช้ไปกับคนเห็นแก่ตัว ต่อให้ทุ่มเทมากแค่ไหนสิ่งที่ได้กลับมาก็ว่างเปล่าอยู่ดี ต่อให้พยายามแค่ไหน ถ้าคนที่ได้รับไม่เห็นคุณค่า มันก็เหมือนเราวิ่งเพื่อไปถึงเส้นชัยคนเดียว และอีกคนก็เป็นตัวรั้งตัวถ่วงตลอดทาง ความอดทนของบางคนใช้แล้วหมดไป บางคนก็มีความอดทนอยู่น้อยนิดซะเหลือเกิน หรือแท้จริงแล้วไม่ได้รักมากพอที่จะอดทนหรือเปล่า ในขณะที่อีกฝ่าย ใช้ความอดทนล้นเหลือ ทนแล้วทนอีก ทนอย่างมีความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเห็นใจ จะมองเห็นในสิ่งที่เราทำ แต่สุดท้ายเวลาจะเป็นตัวตัดสินเป็นตัวพิสูจน์ หากเราทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่แล้ว ยอมมากพอแล้ว อดทนจนถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งเราจะสามารถหยุดได้เอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับพลังในการอดทนของแต่ละคน บางคนเจอปัญหาระดับ 3 ความอดทนก็หมดลงแล้ว แต่หลายคนทนจนปัญหาถึงระดับ…

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

เป็นประเด็นร้อนแรงที่มีการถกเถียงกันในโซเชียล การเลิกรากับคนรักเป็นสิ่งที่เกิดเป็นปกติอยู่แล้ว หากเข้ากันไม่ได้ก็เลิกรากันไป แต่ถ้าวันหนึ่งคนที่เคยรัก โคจรมาพบรักกับเพื่อนสนิทที่เรารักมากล่ะเราจะทำอย่างไร มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนไม่น้อยถกปัญหาเรื่องนี้ โดย 1 ในผู้ใช้โซเชียลกล่าวถึงเหตุการณ์ที่แฟนเก่าของเรามาคบกับเพื่อนสนิทของตนเองว่า “ต่อให้เราหมดใจ ไม่มีความรู้สึกดีๆให้กับอดีตคนรักแล้วก็เถอะ เราก็คงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี” แล้วก็มีหลากหลายความเห็น หลายคนเห็นด้วย และหลายคนเห็นต่าง แท้จริงแล้วอะไรคือปัจจัยในการทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนตนเองได้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งยอมรับไม่ได้ สาเหตุแรกที่สำคัญที่ทำให้คนไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทของตนเองสามารถคบกับแฟนเก่าได้คือ เพราะยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่าอยู่ ยังรักแฟนเก่าอยู่ ดังนั้นการที่แฟนเก่ามาคบกับเพื่อนสนิทตนเองนั้นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองเป็นอย่างมาก และยิ่งเจ็บมากหากเรื่องนี้เพื่อนสนิทของเราก็รู้ดี อันดับต่อมาคือ การเลิกรากันไม่ดี ถ้าอีกฝ่ายทำร้ายความรู้สึกกันอย่างสุด ๆ แน่นอนเวลามีปัญหาเกี่ยวกับแฟน คนแรกที่เราจะบอกคือเพื่อนสนิท แต่ถ้าหากเพื่อนสนิทที่รับรู้ถึงปัญหาแย่ ๆ ของเรา แต่ยืนยันที่จะคบกับแฟนเก่า ก็เป็นการที่ทำให้รู้สึกแย่ได้เช่นกัน อันดับต่อมาคือการที่หลายคนยังรู้สึกไม่สะดวกใจและอึดอัดที่จะเห็นคนรักเก่าของตนเองมาคบกับเพื่อนสนิท แม้จะไม่ได้รักแล้ว แต่ทำให้ระแวงและสงสัยว่าไปแอบสานสัมพันธ์กันตอนไหนและเป็นช่วงเวลาที่คบกับตนเองหรือเปล่า มีอีกหลายสาเหตุมากที่คนเราไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนเก่าได้ แต่หลายคนก็ยอมรับได้ ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความสนิทของเพื่อนคนดังกล่าว หากสนิทกันประมาณหนึ่งก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทคนเดียวในชีวิตก็อาจจะค่อนข้างยอบรับยากเช่นกัน แต่ก็มีคนให้เหตุผลอีกอย่างว่า ถ้าเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ จะไม่มีทางคบกับแฟนเก่าของตนเองแน่นอน  การที่คนสองคนจะคบกัน เราคงไม่สามารถห้ามได้ หากคนทั้งสองไม่ได้มีพันธะกับใคร ไม่ได้เป็นมือที่สามหรือแย่งใครมา ถ้าเพื่อนสนิทของเราจะคบกับแฟนเก่าเรามันก็คงไม่ใช่เรื่องผิด มันขึ้นอยู่กับความแคร์ใจของเพื่อนเรามากกว่า แน่นอนแฟนเก่าเราคงไม่สนใจความรู้สึกของเราหรอก แต่อีกฝ่ายในฐานะเพื่อนสนิทก็ควรมีวิธีถนอมความรู้สึกกับเพื่อนสนิทของตนเองเช่นกัน เพราะเพื่อนสนิทก็สำคัญและความรักที่เกิดก็ขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ต้องขึ้นอยู่กับคนกลางว่าจะรักษาสมดุลกับคนทั้งสองฝั่งไว้ได้อย่างไร…