รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

คุณลองสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้างคุณสิ แล้วคุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณหรือพวกเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมติดหน้าจอกันคนละเล็กละน้อย และบางคนอาจจะถึงขั้นหนัก จับมือถือทั้งวัน จะวางก็ตอนชาร์จแบตเท่านั้น ทำราวกับว่านี่คือ อวัยวะส่วนที่ 33 ของร่างกาย พฤติกรรมติดหน้าจอมือถือและอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ มีคำนิยามของนักพฤติกรรมศาสตร์ของต่างประเทศให้ไว้ว่า “Phubbing” ซึ่งย่อมาจาก Phone Snubbing ซึ่งดูเหมือนว่าก็ไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร เพราะเป็นเรื่องของยุคสมัย แต่ใครจะรู้บ้างว่านี่คือ ตัวการที่ทำลายความสัมพันธ์ของมนุษย์และทำให้การเดตครั้งแรกของหลาย ๆ คู่ล่มสลายลงได้ทันทีตั้งแต่เดตแรก ใช้มากเกินจนสะบั้นความสัมพันธ์ นักพฤติกรรมศาสตร์ในต่างประเทศได้กล่าวไว้ว่า Phubbing แม้จะเป็นเรื่องของพฤติกรรม แต่ก็มีความคล้ายกับโรคหรืออาการป่วยเหมือนกัน ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นอาการติดมือถือก็ว่าได้ ซึ่งคนยุคนี้ก็เป็นกันแทบทั้งนั้น ซึ่งนักพฤติกรรมศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า ลองสังเกตช่วงเวลาบนโต๊ะอาหาร หากไปรับประทานอาหารกันแบบครอบครัว หลังจากสั่งอาหารแล้ว คนในครอบครัว แทบจะมีโลกของตนเองทันที นั่นคือ แต่ละคนก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อค่าเวลา ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนที่มือถือจะบูมขึ้นมา ช่วงเวลานั้น ๆ ทุกคนจะยังมีเวลาที่จะพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ มีเวลาเฮฮาและสร้างรอยยิ้มให้แก่กัน แต่วันนี้ ทุกคนจะไปกันคนละทาง แม้ว่าบางคนจะมีเหตุผลว่า ใช้ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยนั้นไปกับการเช็คงาน อ่าน Email หรือ Line จากลูกค้า หรืองานที่บริษัทก็ตาม เพราะโลกปัจจุบันงานนั้นแถบจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่นั้นก็ดูจะเหมือนเป็นข้ออ้างที่ดูมีเหตุผลเท่านั้น เพราะจริง…

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

ถ้าข้อดีของโลกออนไลน์คือความรวดเร็ว ความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร แต่ทำไมถึงยังมีปัญหาตามมาในรูปแบบการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นได้อย่างสนุกปากมากกว่าการที่เราจะกล้าพูดออกไปในชีวิตจริง พอเป็นแค่ตัวหนังสือที่สามารถพิมพ์ได้ง่ายและรวดเร็ว หลายคนจึงขาดการยับยั้งชั่งใจ ด้วยความสะดวกและทั่วถึงง่ายของโลกออนไลน์ ทำให้ความเป็นส่วนตัวไม่มีอยู่จริง หลายครั้งที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งบนโลกออนไลน์ ส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจของผู้ใช้ และมีจำนวนไม่น้อยเลยที่มาจากความผิดพลาดของการสื่อสารในรูปแบบการพิมพ์ผ่านตัวหนังสือ ดังกรณีของผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่ง ที่ได้มีการ Post  ลงใน Account ส่วนตัวของตัวเองบ่นเรื่องการเดินทางในชีวิตประจำวันมีใจความว่า “อยากอ้วกแต่อยู่บนบีทีเอส อีกสถานีเดียวอดทนไว้กู” ซึ่งหลังจากผู้ใช้รายนี้ได้ Post ลงไปสักพัก ก็มี Account สาธารณะของขนส่งสาธารณะดังกล่าวออกมาตอบใจความว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต ครั้งหน้าถ้ารู้สึกไม่สบายสะกิดเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ บีทีเอสมีห้องพยาบาลทุกสถานีครับ” หลังจากข้อความนี้ของ Account ดังกล่าวได้ Post ลงไป ก็มีกระแสวิจารณ์อย่างหนักกับคำว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต” ว่าเป็นข้อความที่ดูเหมือนไม่ได้แสดงความห่วงใยต่อผู้โดยสารอย่างแท้จริง และการที่ผู้โดย Post เรื่องราวของตนเองในพื้นที่ส่วนตัวของตน ไม่ได้มีการ mention ถึงหรือมีความประสงค์ให้แก้ไขหรือปรับปรุง Account สาธารณะดังกล่าวไม่ควรรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีทั้งคนที่อยู่ฝั่งผู้ใช้โซเชียล และฝั่ง Admin ของ Account…

หมดยุคของรักสามเส้า รักสี่เส้ากำลังมาแรง เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบัน

หมดยุคของรักสามเส้า รักสี่เส้ากำลังมาแรง เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบัน

ถ้าหากได้ติดตามรายการวิทยุหลาย ๆ รายการจะเห็นเรื่องราวของคนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ การนอกใจกัน โทรเข้ามาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง หากเป็นเรื่องรักสามเส้า เราก็คงได้ยินกันมานานแล้ว มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้กลับเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของคนมากกว่า 3 เลยทีเดียว แต่อะไรคือปัจจัยให้เกิดความสัมพันธ์เชิงซ้อนแบบนี้                 ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญคงไม่พ้นโลกออนไลน์ ไม่ใช่ว่ารักออนไลน์จะไม่มีอยู่จริง แต่ไม่มีรักออนไลน์ที่ไหนประสบความสำเร็จถ้าไม่ได้ผ่านการเจอตัวจริงและทำความรู้จักกันในโลกแห่งความจริงเสียก่อน และด้วยสรรพคุณสื่อสารรวดเร็ว ทั่วถึงนี้ จึงเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้คนมีโอกาสได้เจอกันมากขึ้น และมีช่องทางที่ค่อนข้างส่วนตัวในการติดต่อสื่อสารเป็นสำคัญ หากเปรียบเทียบในอดีตการจะสื่อสารหรือจีบใครสักคนหนึ่ง ต้องใช้จดหมาย กว่าจะเขียนเสร็จ กว่าจะส่งไปรษณีย์ไปถึงก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร แต่ปัจจุบันเวลาเพียงเสี้ยววิ สามารถที่จะส่ง Direct message หาคนได้หลายคน หรือบางทีจะเลือกคุยพร้อม ๆ กันก็ยังทำได้ เปิดหู เปิดตาให้กว้างไกล เจอคนคุยถูกใจก็สามารถแอบคุยโดยที่รู้กันแค่ 2 คนเท่านั้น เรียกได้ว่า มุมหลบเลี่ยงในการแอบมีปฏิสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว                 ค่านิยมที่เปลี่ยนไป หากเปรียบเทียบในสมัยก่อน การที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนถือว่าเป็นเรื่องปกติ มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกัน ผู้หญิงจะถูกสอนให้ซื่อสัตย์และอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่าง ๆ ภายในครอบครัว การหย่าร้างสำหรับคนสมัยก่อนถือเป็นค่อนข้างน่าอายสำหรับผู้หญิงที่ต้องเป็นหม้าย แม้ปัจจุบันสถิติการหย่าร้างจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ยอมหย่าเพราะเหตุผลกล่าวอ้างว่า เป็นห่วงลูกบ้าง หรือยังมีพันธสัญญาต่อกัน คนในกลุ่มนี้จะเลือกหาที่พึ่งทางใจที่อื่น นั่นก็คือการมีคนใหม่ทั้ง…