อยู่ยังไงให้ชีวิตมี …ความสุข

อยู่ยังไงให้ชีวิตมี …ความสุข

บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ได้สมหวังไปซะทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่เราตั้งใจและคาดหวังก็ไม่เป็นดังหวังอย่างพลาดท่า คนทุกคนต่างใช้ชีวิตในทุกวันก็เพื่อความอยู่รอด เพื่อทำในสิ่งที่รักและตั้งใจ เพื่อการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต แต่จริง ๆ แล้วคนเราต้องการแค่นี้จริง ๆ หรือ เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะเคยตั้งคำถามบ่อยครั้งในชีวิตว่า ทำไปทำใมนะ? ทำไมเราต้องทำอย่างนี้ เราต้องทำสิ่งนี้เพื่ออะไรกัน เมื่อไหร่ที่มีคำถามเข้ามานั่นแปลว่าสัญญาณนั้นกำลังจะบอกเราว่าเรากำลังต้องการคุณค่าจากสิ่งที่ทำ                 เราใช้เวลาไปกับการเรียนรู้และการทำงานไปในแต่ละวันมากกว่าการได้พักผ่อนหรือวันหยุดที่เราควรจะมี การเลือกหาความสุขให้ตัวเองนั้นมีหลากหลายรูปแบบและหลายวิธีที่แต่ละคนถนัด หรือความชอบที่แตกต่างกันไป บางคนเลือกหาความสุขด้วยการไปท่องเที่ยวเปิดโลกกว้างให้กับตนเอง หรือบางคนอาจเลือกที่จะนอนดูหนังสักเรื่องหนึ่งที่ตัวเองชอบอยู่กับบ้าน บางคนเลือกฟังเพลง ร้องเพลง วาดภาพ ช้อปปิ้ง หรือการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่ละคนก็มีกิจกรรมที่ทำแตกต่างกันไปต่างก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สร้างความสุขให้กับตัวเอง กล่าวคือ คนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกใบนี้คงเป็น “คนที่มีความสุข” จึงไม่แปลกนักที่คนที่มีอายุยืนที่สุดคือคนที่มีความสุขที่สุด เพราะความสุขที่แท้จริงยิ่งกว่ายาขนานชั้นดี ไม่ใช่เป็นเพียงคำที่ใช้เรียกความรู้สึก แต่หมายถึงปฏิกิริยาที่มีสารบางอย่างหลั่งออกมาที่เรียกว่า “สารแห่งความสุข” ความมหัศจรรย์ของความสุขจึงทำให้ร่างกายและหัวใจแข็งแรง เรียกได้ว่ามีความต้านทานต่อโรค ต่อสภาวะที่รุมเร้าหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการคุกคามของอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ในอาการที่ป่วย ทำให้สามารถฟื้นตัวได้เร็ว อย่างรูปแบบการใช้ดนตรีบำบัดในคนป่วยที่สามารถทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจเข้มแข็งขึ้นมาได้เพราะเกิดจากความสุขแม้จะไม่ได้ทานยา ต่างจากคนที่ทานยาอย่างเดียวแต่ไม่ได้รับการบำบัดทางดนตรี สารมหัศจรรย์นี้ทำงานในร่างกาย ยิ่งหากเป็นคนปกติไม่ได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด ความสุขนี้ถือว่าเป็นเกราะหรือภูมิต้านทานที่ดีให้กับตัวเองได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะจริง ๆ แล้วเราอาจมองข้ามไปว่าชีวิตทุกวันนี้เราเพียงต้องการทำเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับ ทำเพื่อสร้างความมั่นคงและทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ จนลืมไปว่าแท้ที่สุดแล้วเราเพียงต้องการความสุขในชีวิต หากคุณค่าที่ควรจะได้รับในชีวิตคือสิ่งนี้แล้ว ทำไมเราจึงไม่รีบหารีบทำรีบสร้างความสุข…

กระแสความเป็นไทย ตามด้วยหัวใจหรือแค่แฟชั่น

กระแสความเป็นไทย ตามด้วยหัวใจหรือแค่แฟชั่น

สังคมปัจจุบันเป็นยุคสมัยที่รวดเร็ว และมีการสื่อสารที่ว่องไวแตกต่างจากการดำเนินชีวิตของคนยุคสมัยก่อน  กล่าวเพียงไม่นานมานี้ที่ประเทศไทยได้มีการดำเนินชีวิต โดยการพัฒนาทั้งด้านการเป็นอยู่ โครงสร้างพื้นฐาน วัฒนธรรม ความเชื่อ การกิน การเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป ทีละเล็กทีละน้อย เดิมเคยเป็นอย่างไร? ความรู้ความสามารถของมนุษย์เองก็ได้พัฒนา ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการ เพื่อความสะดวกสบาย และเกิดประโยชน์ที่ดีที่สุดอย่างคุ้มค่าที่สุด จนนาน ๆ ไปกิจวัตรที่เคย ๆ ทำ อาจมองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัย จนหลงลืมทำแท้ที่สุดแล้วก็ได้เลือนหายไปทีละอย่าง สองอย่าง จนจะกลายเป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่เคยมี                 ด้วยกระแสที่ค่อนข้างดีของละครที่ได้จัดทำออกมาในรูปแบบการอิงเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของการดำรงชีวิต การเป็นอยู่ การกิน การละเล่น ประเพณีต่าง ๆ วัฒนธรรม การปฏิบัติตัว การแต่งกาย คำพูด ซึ่งเป็นการถ่ายทอดวิถีชีวิตออกมาสู่สายตาผู้คนได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่น เรื่อง บุพเพสันนิวาส และอีกหลากหลายเรื่องราวผ่านหน้าจอทีวีมายังผู้ชมได้รับชมนั้น นอกจากกระแสที่เป็นเรตติ้งในทีวีแล้ว ยังมีกระแสของการปฏิบัติตาม เห็นดีงามคล้อยตามละครเช่น ความชื่นชอบของตัวละครนำไปสู่ความเชื่อมโยงของเรื่องราวที่ดีงามในประวัติศาสตร์ไทยยุคก่อน การเอาวัฒนธรรมของการกินของผู้คนยุคสมัยก่อนกลับมาเรียนรู้รื้อฟื้นความเป็นมาอีกครั้ง อีกทั้งการนำเอาวัฒนธรรมการแต่งกายมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน เกิดเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นน่าค้นหาและแปลกใหม่สำหรับรุ่นหลัง ๆ ทั้งผู้คนที่ต่างชื่นชอบทุกรุ่นทุกระดับ ทุกสาขาอาชีพ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ละครได้นำเสนอด้านดี ๆ ของการใช้ชีวิตที่สามารถให้ข้อคิด และแนวทางการดำเนินชีวิตหลาย…

ความพอเพียง แบบไหนถึงเรียกว่า “เพียงพอ”

ความพอเพียง แบบไหนถึงเรียกว่า “เพียงพอ”

ในยุคปัจจุบันการแข่งขันทางสังคมในด้านต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และถูกพัฒนาไปพร้อม ๆ กับเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นโดยมนุษย์ ที่มีความตั้งใจตอบสนองความต้องการและปัจจัยพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ความพยายามและการพัฒนาเพื่อต่อยอดทางด้านความคิด และการออกแบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ หรือเพื่อการแข่งขันทางการตลาด อันนำมาซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะพาไปสู่การพัฒนาที่สามารถเป็นฐานเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและมั่นคง โดยการประกอบอาชีพปัจจุบันที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง การขนส่ง และสาธารณูปโภคต่าง ๆ จึงส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ บวกกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย จนถึงยุคปัจจุบันไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากไปกว่า “เงิน” อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ที่ทำเพื่อการตอบสนองความต้องการของตนเอง ความร่ำรวย หรือสังคมที่มีระดับชนชั้น นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ก็ยังมีการแข่งขัน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การเอารัดเอาเปรียบ แม้กระทั่งเกิดปัญหามากมายที่มีในสังคมระหว่างชนชั้น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ที่มาพร้อม ๆ กับความต้องการของมนุษย์ ด้วยกระแสพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้แนวทางกับคนไทยเกี่ยวเรื่องของความพอเพียง การใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และการออกแบบการใช้ชีวิตด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ทำให้ผู้คนมากมายเห็นความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางการดำรงชีวิตด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ชีวิตของตนเองนั้นหากนำหลักความพอเพียงมาใช้ก็จะทำให้มีความพอดีและหลบหลีกจากปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมากมายนั้น เช่น การทำเกษตรสวนพอเพียง การออกแบบพื้นที่ในการทำเกษตรที่ปลอดภัย การรณรงค์การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลง ทั้งนี้ก่อให้เกิดเป็นการเรียนรู้และความสนใจของกลุ่มคนมากมายในสังคมที่อยากใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทั้งหน่วยงานราชการ กลุ่มประชาชน และผู้คนที่สนใจมากมายที่เห็นความสำคัญและส่งเสริมผลักดันให้เกิดเป็นกลุ่มชุมชนพอเพียง และส่งเสริมให้เกษตรกร ประชาชนทุกชนชั้นได้เรียนรู้ถึงความพอเพียงในชีวิตที่สามารถพาตนเองและคนรอบข้างสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างพอดีไม่เกิดปัญหาและสามารถพึ่งพาตนเองได้รวมไปถึงพึ่งพากันและกัน  เพื่อที่จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ชุมชน สังคม มีความมั่นคงอย่างแท้จริง มีความเข้มแข็ง เข้าใจซึ่งกันและบนพื้นฐานของความพอเพียง…

รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

รู้จักกันไหม Phubbing พฤติกรรมติดหน้าจอที่ทำลายการเดต

คุณลองสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้างคุณสิ แล้วคุณจะพบว่า ไม่ว่าคุณหรือพวกเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมติดหน้าจอกันคนละเล็กละน้อย และบางคนอาจจะถึงขั้นหนัก จับมือถือทั้งวัน จะวางก็ตอนชาร์จแบตเท่านั้น ทำราวกับว่านี่คือ อวัยวะส่วนที่ 33 ของร่างกาย พฤติกรรมติดหน้าจอมือถือและอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ มีคำนิยามของนักพฤติกรรมศาสตร์ของต่างประเทศให้ไว้ว่า “Phubbing” ซึ่งย่อมาจาก Phone Snubbing ซึ่งดูเหมือนว่าก็ไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร เพราะเป็นเรื่องของยุคสมัย แต่ใครจะรู้บ้างว่านี่คือ ตัวการที่ทำลายความสัมพันธ์ของมนุษย์และทำให้การเดตครั้งแรกของหลาย ๆ คู่ล่มสลายลงได้ทันทีตั้งแต่เดตแรก ใช้มากเกินจนสะบั้นความสัมพันธ์ นักพฤติกรรมศาสตร์ในต่างประเทศได้กล่าวไว้ว่า Phubbing แม้จะเป็นเรื่องของพฤติกรรม แต่ก็มีความคล้ายกับโรคหรืออาการป่วยเหมือนกัน ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นอาการติดมือถือก็ว่าได้ ซึ่งคนยุคนี้ก็เป็นกันแทบทั้งนั้น ซึ่งนักพฤติกรรมศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า ลองสังเกตช่วงเวลาบนโต๊ะอาหาร หากไปรับประทานอาหารกันแบบครอบครัว หลังจากสั่งอาหารแล้ว คนในครอบครัว แทบจะมีโลกของตนเองทันที นั่นคือ แต่ละคนก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อค่าเวลา ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนที่มือถือจะบูมขึ้นมา ช่วงเวลานั้น ๆ ทุกคนจะยังมีเวลาที่จะพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ มีเวลาเฮฮาและสร้างรอยยิ้มให้แก่กัน แต่วันนี้ ทุกคนจะไปกันคนละทาง แม้ว่าบางคนจะมีเหตุผลว่า ใช้ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยนั้นไปกับการเช็คงาน อ่าน Email หรือ Line จากลูกค้า หรืองานที่บริษัทก็ตาม เพราะโลกปัจจุบันงานนั้นแถบจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาก็ตาม แต่นั้นก็ดูจะเหมือนเป็นข้ออ้างที่ดูมีเหตุผลเท่านั้น เพราะจริง…

เมื่อกฎระเบียบไม่ได้มีไว้แหก แต่กฎระเบียบมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

เมื่อกฎระเบียบไม่ได้มีไว้แหก แต่กฎระเบียบมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

จากข่าวที่ค่อนข้างสะเทือนใจเมื่อชายคนหนึ่งเข้าไปเล่นน้ำในบ่อน้ำเขตหวงห้ามเพราะน้ำลึก จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในบ่อน้ำ เป็นอุทาหรณ์ให้หลาย ๆ คนที่ละเลยกับป้ายเตือนหรือคนที่ชอบฝ่าฝืนกฎระเบียบ ข้อตกลง และข้อบังคับ กรณีแบบเหตุการณ์นี้ไม่ใช่กรณีแรก แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่คนฝ่าฝืนกฎและสุดท้ายจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า แต่เหตุผลอะไร ทั้ง ๆ ที่มีป้ายเตือน หรือข้อห้าม แต่คนเราก็ยังเลือกที่จะฝ่าฝืน ความท้าทายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเราชอบทำมากที่สุด การได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ การแหกกฎ หรือการแสดงออกที่แตกต่างเป็นความเชื่อที่ว่า การทำสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวเองดูพิเศษและดูเหนือกว่าคนปกติที่ทำตามข้อบังคับต่าง ๆ หากเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังพอเป็นความท้าทาย ความตื่นเต้นในชีวิต แต่ว่ามันมักจะไม่จบแค่นั้น เมื่อความท้าทายแต่ละคนที่ได้มา มักแลกมาด้วยชีวิตเสมอ นอกจากความท้าทายแล้ว ก็เป็นความเผอเรอ ไม่สนใจหรือใส่ใจสิ่งรอบข้าง ไม่สังเกตป้ายเตือน หรือสัญลักษณ์ห้ามเข้าต่าง ๆ ความสะเพร่า เป็นสาเหตุที่นำพาไปสู่การได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่ต่างกับการรณรงค์เกี่ยวกับการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่าง ๆ แต่น่าแปลกคนส่วนใหญ่กลับรู้สึกไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวของคุณเองทั้งนั้น กลับมองว่าเป็นรุกล้ำพื้นที่ส่วนตน หรือสร้างความน่ารำคาญใจ และเลือกที่จะตามใจตนเอง เพราะอยากแสดงความต่าง ขาดการยับยั้งชั่งใจ ฝ่าฝืนกฎระเบียบไปด้วยความคึกคะนอง โชคร้ายมาจบที่ครอบครัวต้องมาเสียใจรับเคราะห์จากการกระทำโดยประมาท ที่ต้องแก้ไขอันดับแรก คือทัศนคติของเราต่อกฎระเบียบและข้อบังคับ หลายคนมองว่ามันยุ่งยาก วุ่นวาย…

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

เราคงเคยได้ยินมาบ้างว่า การมีจะมีความรักนั้นเราต้องรู้จักมีความอดทนอดกลั้น เพื่อจะที่รักษาและพยุงความสัมพันธ์ของเราไปให้ตลอดรอดฝั่ง แต่หลังจากรายการพูดคุยต่อตัวต่อรายการหนึ่งได้สะท้อนเรื่องราวออกมาให้เห็นว่า การอดทนไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความรักที่ดี และความอดทนในบางความสัมพันธ์ก็มีมากจนเกินความพอดี และความอดทนของเรากลายเป็นการทำร้ายใจตัวเอง หรือบางคนอาจจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยด้วยซ้ำ มีผู้ประสบปัญหาด้านความรัก ผลัดเปลี่ยนกันมาพูดเรื่องความรักของตนเอง แต่ที่น่าตกใจคือหลายคนมีปัญหาเดียวกัน คือการมีความอดทนมากจนเกินไป อดทนกับความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว มีทั้งกรณีที่อดทนทำดีเพื่อคิดว่าจะได้ความรักกลับมาเป็นการตอบแทนความดี หรือบางคนยอมลดคุณค่าของตนเอง ยอมเป็นตัวสำรองของคนอื่น ยอมให้ภรรยาหรือสามีของตนเองไปมีคนอื่น แต่กรณีที่หนักสุดคือการอดทน ยอมให้เค้าทำร้ายร่างกายและยอมเป็นฝ่ายผิดเพื่อรักษาคนคนหนึ่งไว้ เป็นฝ่ายขอโทษก่อนเสมอแม้ตนเองจะเจ็บเจียนตาย คำถามคือ ทำไมคนเหล่านี้ถึงทน ยอมเพราะรัก ทุกคนให้คำตอบนี้ มันอาจจะดูสั้น ๆ เชื่อเถอะว่ามันเป็นคำตอบที่ครอบคลุมทุกคำถามของการอดทนแล้ว แต่มันอาจจะเป็นรักที่มีมากกว่ารักตัวเอง และคาดหวังว่าจะได้รับความรักเป็นสิ่งตอบแทน หากพวกเขาอดทน แต่ความอดทนของคนเราก็ต้องรู้จักใช้ให้ถูกที่ ถูกคนและถูกเวลา ความอดทนที่ใช้ไปกับคนเห็นแก่ตัว ต่อให้ทุ่มเทมากแค่ไหนสิ่งที่ได้กลับมาก็ว่างเปล่าอยู่ดี ต่อให้พยายามแค่ไหน ถ้าคนที่ได้รับไม่เห็นคุณค่า มันก็เหมือนเราวิ่งเพื่อไปถึงเส้นชัยคนเดียว และอีกคนก็เป็นตัวรั้งตัวถ่วงตลอดทาง ความอดทนของบางคนใช้แล้วหมดไป บางคนก็มีความอดทนอยู่น้อยนิดซะเหลือเกิน หรือแท้จริงแล้วไม่ได้รักมากพอที่จะอดทนหรือเปล่า ในขณะที่อีกฝ่าย ใช้ความอดทนล้นเหลือ ทนแล้วทนอีก ทนอย่างมีความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเห็นใจ จะมองเห็นในสิ่งที่เราทำ แต่สุดท้ายเวลาจะเป็นตัวตัดสินเป็นตัวพิสูจน์ หากเราทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่แล้ว ยอมมากพอแล้ว อดทนจนถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งเราจะสามารถหยุดได้เอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับพลังในการอดทนของแต่ละคน บางคนเจอปัญหาระดับ 3 ความอดทนก็หมดลงแล้ว แต่หลายคนทนจนปัญหาถึงระดับ…

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

เป็นประเด็นร้อนแรงที่มีการถกเถียงกันในโซเชียล การเลิกรากับคนรักเป็นสิ่งที่เกิดเป็นปกติอยู่แล้ว หากเข้ากันไม่ได้ก็เลิกรากันไป แต่ถ้าวันหนึ่งคนที่เคยรัก โคจรมาพบรักกับเพื่อนสนิทที่เรารักมากล่ะเราจะทำอย่างไร มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนไม่น้อยถกปัญหาเรื่องนี้ โดย 1 ในผู้ใช้โซเชียลกล่าวถึงเหตุการณ์ที่แฟนเก่าของเรามาคบกับเพื่อนสนิทของตนเองว่า “ต่อให้เราหมดใจ ไม่มีความรู้สึกดีๆให้กับอดีตคนรักแล้วก็เถอะ เราก็คงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี” แล้วก็มีหลากหลายความเห็น หลายคนเห็นด้วย และหลายคนเห็นต่าง แท้จริงแล้วอะไรคือปัจจัยในการทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนตนเองได้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งยอมรับไม่ได้ สาเหตุแรกที่สำคัญที่ทำให้คนไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทของตนเองสามารถคบกับแฟนเก่าได้คือ เพราะยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่าอยู่ ยังรักแฟนเก่าอยู่ ดังนั้นการที่แฟนเก่ามาคบกับเพื่อนสนิทตนเองนั้นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองเป็นอย่างมาก และยิ่งเจ็บมากหากเรื่องนี้เพื่อนสนิทของเราก็รู้ดี อันดับต่อมาคือ การเลิกรากันไม่ดี ถ้าอีกฝ่ายทำร้ายความรู้สึกกันอย่างสุด ๆ แน่นอนเวลามีปัญหาเกี่ยวกับแฟน คนแรกที่เราจะบอกคือเพื่อนสนิท แต่ถ้าหากเพื่อนสนิทที่รับรู้ถึงปัญหาแย่ ๆ ของเรา แต่ยืนยันที่จะคบกับแฟนเก่า ก็เป็นการที่ทำให้รู้สึกแย่ได้เช่นกัน อันดับต่อมาคือการที่หลายคนยังรู้สึกไม่สะดวกใจและอึดอัดที่จะเห็นคนรักเก่าของตนเองมาคบกับเพื่อนสนิท แม้จะไม่ได้รักแล้ว แต่ทำให้ระแวงและสงสัยว่าไปแอบสานสัมพันธ์กันตอนไหนและเป็นช่วงเวลาที่คบกับตนเองหรือเปล่า มีอีกหลายสาเหตุมากที่คนเราไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนเก่าได้ แต่หลายคนก็ยอมรับได้ ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความสนิทของเพื่อนคนดังกล่าว หากสนิทกันประมาณหนึ่งก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทคนเดียวในชีวิตก็อาจจะค่อนข้างยอบรับยากเช่นกัน แต่ก็มีคนให้เหตุผลอีกอย่างว่า ถ้าเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ จะไม่มีทางคบกับแฟนเก่าของตนเองแน่นอน  การที่คนสองคนจะคบกัน เราคงไม่สามารถห้ามได้ หากคนทั้งสองไม่ได้มีพันธะกับใคร ไม่ได้เป็นมือที่สามหรือแย่งใครมา ถ้าเพื่อนสนิทของเราจะคบกับแฟนเก่าเรามันก็คงไม่ใช่เรื่องผิด มันขึ้นอยู่กับความแคร์ใจของเพื่อนเรามากกว่า แน่นอนแฟนเก่าเราคงไม่สนใจความรู้สึกของเราหรอก แต่อีกฝ่ายในฐานะเพื่อนสนิทก็ควรมีวิธีถนอมความรู้สึกกับเพื่อนสนิทของตนเองเช่นกัน เพราะเพื่อนสนิทก็สำคัญและความรักที่เกิดก็ขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ต้องขึ้นอยู่กับคนกลางว่าจะรักษาสมดุลกับคนทั้งสองฝั่งไว้ได้อย่างไร…

ชนชั้นทางสังคม ใครกันแน่ที่เป็นคนแบ่ง

ชนชั้นทางสังคม ใครกันแน่ที่เป็นคนแบ่ง

จากกรณีข่าวของช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ที่ได้ร่วมบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร เพื่อส่งไปยังหอจดหมายเหตุ โดยผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้ Post รูปเยาวชน 5 คน ในมือของแต่ละคนมีกล้องขนาดใหญ่อยู่ด้วย แต่ก็มีกระแสดราม่าเกิดขึ้น เมื่อมีผู้ใช้โซเชียลบางส่วนได้วิจารณ์เกี่ยวกับราคาของกล้องที่ค่อนข้างแพงและผู้ครอบครองยังเป็นเยาวชนที่อายุยังน้อย เลยได้เกิดคำวิจารณ์เช่น “ไม่รวยเป็นจิตอาสาไม่ได้นะจ๊ะงานนี้ แต่ก็โอนะทำให้ฟรี ๆ” ซึ่งก็มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากที่ออกมาปกป้องว่า น้องมีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือสังคมและการที่ครอบครัวน้องจะร่ำรวยมีเงินซื้อกล้องตัวแพง ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถือเป็นการสนับสนุนเด็ก ๆ ในสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ การแบ่งชนชั้นทางสังคมไทยมีมาตั้งแต่สมัยอดีตและปัจจุบันก็ได้บางเบาลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้สิ่งที่ตนเองถูกปลูกฝังตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ จากพ่อแม่ หรือสื่อละครมาขีดเส้นแบ่งให้ตนเองแตกต่างจากคนอื่น จากกรณีนี้ยังเห็นได้ว่า ภาพการแบ่งชนชั้นทางสังคมของไทยยังคงมีอยู่ ในขณะที่หลายคนเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมกันทางสังคมแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตนเองก็มีส่วนในการแบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะเป็น รวยจน เก่งหรือไม่เก่ง มีชื่อเสียงหรือไม่มี หากเราได้ลองติดตามสังคมอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าความคิดของคนจำนวนไม่น้อยที่ตีกรอบให้กับตนเองโดยอ้างสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวและแสดงออกมาแบบดราม่าข้างต้น หลายคนแสดงออกการแบ่งชนชั้นของตนเองมาในรูปแบบความอิจฉา กลายเป็นโกรธเกลียด หรือไม่ชอบใจบุคคลที่แตกต่างจากตนเองไปเลย แม้ว่าจะไม่มีใครมานั่งบอกหรือต่อว่า แต่กลุ่มคนลักษณะนี้จะชิงแบ่งแยกตนเองออกก่อน อีกนัยหนึ่งก็เพื่อแสดงจุดยืนและปกป้องตนเอง คิดว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยให้ตนเองรู้สึกสบายใจและทัดเทียมมากยิ่งขึ้น อาจเพราะมีปมภายในจิตใจหรืออยากมีแบบคนอื่นแต่ไม่มีแรงฮึดมากพอที่จะทำ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะมักเห็นคนที่มักแสดงความเห็นแนวนี้ในโลกโซเชียลเสมอ หากมีคนรวยกว่า หน้าตาดีกว่า เก่งกว่า ก็จะมานั่งตัดพ้อกับโลกและกับตนเองว่าคงไม่มีและพยายามหาข้อเสียอื่น ๆ มาหักล้างข้อดีหรือความโชคดีของคนอื่น…

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

ถ้าข้อดีของโลกออนไลน์คือความรวดเร็ว ความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร แต่ทำไมถึงยังมีปัญหาตามมาในรูปแบบการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นได้อย่างสนุกปากมากกว่าการที่เราจะกล้าพูดออกไปในชีวิตจริง พอเป็นแค่ตัวหนังสือที่สามารถพิมพ์ได้ง่ายและรวดเร็ว หลายคนจึงขาดการยับยั้งชั่งใจ ด้วยความสะดวกและทั่วถึงง่ายของโลกออนไลน์ ทำให้ความเป็นส่วนตัวไม่มีอยู่จริง หลายครั้งที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งบนโลกออนไลน์ ส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจของผู้ใช้ และมีจำนวนไม่น้อยเลยที่มาจากความผิดพลาดของการสื่อสารในรูปแบบการพิมพ์ผ่านตัวหนังสือ ดังกรณีของผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่ง ที่ได้มีการ Post  ลงใน Account ส่วนตัวของตัวเองบ่นเรื่องการเดินทางในชีวิตประจำวันมีใจความว่า “อยากอ้วกแต่อยู่บนบีทีเอส อีกสถานีเดียวอดทนไว้กู” ซึ่งหลังจากผู้ใช้รายนี้ได้ Post ลงไปสักพัก ก็มี Account สาธารณะของขนส่งสาธารณะดังกล่าวออกมาตอบใจความว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต ครั้งหน้าถ้ารู้สึกไม่สบายสะกิดเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ บีทีเอสมีห้องพยาบาลทุกสถานีครับ” หลังจากข้อความนี้ของ Account ดังกล่าวได้ Post ลงไป ก็มีกระแสวิจารณ์อย่างหนักกับคำว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต” ว่าเป็นข้อความที่ดูเหมือนไม่ได้แสดงความห่วงใยต่อผู้โดยสารอย่างแท้จริง และการที่ผู้โดย Post เรื่องราวของตนเองในพื้นที่ส่วนตัวของตน ไม่ได้มีการ mention ถึงหรือมีความประสงค์ให้แก้ไขหรือปรับปรุง Account สาธารณะดังกล่าวไม่ควรรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีทั้งคนที่อยู่ฝั่งผู้ใช้โซเชียล และฝั่ง Admin ของ Account…

เมื่อการทำ “ความดี” ของคนในปัจจุบันคือการแข่งขัน

เมื่อการทำ “ความดี” ของคนในปัจจุบันคือการแข่งขัน

ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เราถูกปลูกฝังให้ความทำดีมาตลอดจนโต ไม่ว่าไปที่ไหนผู้คนจะยกย่องคนที่ทำความดี ซึ่งมีทั้งคนที่ทำเพราะตั้งใจทำจริง ๆ กับคนที่ทำเพราะอยากได้รับการยกย่องเชิดชู แต่ว่าการทำความดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นในสังคมเราคงไม่มีตำรวจไว้จับผู้ร้าย คงไม่มีคุกไว้ขัง ดังนั้นการจะหาคนที่ทำความดีเพราะมีความตั้งใจจริงในสังคมปัจจุบันก็ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ จากกรณีข่าวกู้ภัย 2 กลุ่มตีกันเพราะแย่งผู้ประสบอุบัติเหตุถือเป็นข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจเลยทีเดียว จากที่ทราบกันดีว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ก็ตาม จะมีมูลนิธิต่าง ๆ มาคอยช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นจิตอาสาที่มีใจมุ่งมั่นอยากช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือสิ่งที่เราคิดกัน แต่ปัจจุบันการทำความดีถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็หาได้ยากมากจริง ๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว หากมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นจริง กู้ภัยทั้ง 2 ฝ่ายควรจะระงับอารมณ์และสนใจผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่าจะก่อเหตุทะเลาะวิวาท แล้วถ้าจุดมุ่งหมายไม่ใช่การทำความดีแล้วคืออะไร ในปัจจุบันมูลนิธิ สมาคม กู้ภัยต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด มีหลายแห่งที่มีเจตจำนงและเป้าหมายที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้อื่นจริง ๆ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่อาศัยช่องโหว่บางอย่างในการทำให้เกิดผลประโยชน์แก่ตนเอง แต่ถ้าถามว่า แล้วการมาทำส่วนนี้ได้ผลประโยชน์อะไร เพราะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือกู้ภัยต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจ แถมยังเป็นงานที่หนักและเหนื่อยด้วย และนี่คือผลพลอยได้ที่จะตามคือ เงินบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าเก็บศพ หรือเงินสมทบทุนช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตาต่าง ๆ เงินสนับสนุน สนับสนุนอุปกรณ์ พาหนะ ต่าง ๆ…