เปิดมุมมอง Personal Branding น่าเชื่อแค่ไหน

เปิดมุมมอง Personal Branding น่าเชื่อแค่ไหน

ในยุคปัจจุบันที่คนในวงการบันเทิงมีผลต่อความรู้สึกนึกคิดของคน เป็นทั้งตัวอย่าง ต้นแบบ ทั้งในเรื่องที่ดีหรือไม่ดี ยิ่งมีสื่อโซเชียลออนไลน์ที่ข่าวรวดเร็วทันใจ เราสามารถมองเห็นชีวิตผู้อื่นได้แค่ปลายนิ้ว ต่อให้ไม่เคยพบหรือไม่เคยพูดคุยก็ยังสามารถสื่อสารและรู้จักกันได้ นี่แหละคือข้อดีของโลกออนไลน์ แต่เหตุผลเดียวกันนี้เองก็กลายเป็นข้อเสียที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้าบุคคลที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักร้อง นางแบบ พิธีกร หรือ เน็ตไอดอล แล้วล่ะก็การที่จะใช้ความชื่นชอบ การติดตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของตนเองมาเป็นช่องทางในการธุรกิจก็เป็นการต่อยอดที่คนมีชื่อเสียงทั้งหลายนิยมทำ หรือที่เราเรียกวิธีนี้ว่า Personal Branning                 Personal Branning คืออะไร พอพูดว่า Personal Branning หลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้นหูเลย แต่ถ้ายกตัวว่า นักแสดงที่มีชื่อเสียงมีผิวที่สวย และหุ่นดี ทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาและใช้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตนเพื่อการันตีสินค้าชนิดนั้น ซึ่งก็อาจจะมีทั้งคนที่ใช้จริง และไม่ได้ใช้จริงเช่นกัน หลายคนมีการใช้ activity ประจำของตนเองไปต่อยอด เช่น เป็นคนที่ชอบแฟชั่นและเสื้อผ้า ก็ทำเสื้อผ้าในสไตล์ตนเองออกมาขาย หรือคนที่ชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นประในชีวิตประจำ มีคนสนใจ ก็ทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรของตนเองออกมาขาย ซึ่งแน่ล่ะ ฟังดูแล้วก็ดูเป็นเรื่องที่ดี และปัญหามันมีตรงไหน                 ปัญหาเริ่มต้นเมื่อธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะได้ความสนใจจากผู้บริโภคและนิยมในตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียง ทำให้สินค้าที่มีคนดังการันตีน่าสนใจกว่าผลิตภัณฑ์ทั่ว ๆ ไป เป็นช่องโหว่ที่ทำให้คนดังหลายคนใช้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตนเองมาการันตีสินค้าทั้ง ๆ…

การให้อภัย หัวใจหลักสำคัญของครอบครัว

การให้อภัย หัวใจหลักสำคัญของครอบครัว

รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ คำพูดเปรียบเปรยถึงผู้ชายที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ มักจะเป็นคนเจ้าชู้เพราะด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางโยกย้ายบ่อยๆ จึงทำให้ต้องไปพบปะหรือเจอหญิงสาวคนใหม่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันว่าในปัจจุบันคนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ยังคงมีนิสัยเจ้าชู้ดั่งคำเปรียบอยู่หรือไม่                 แต่อย่างเช่นกรณีตลกชื่อดังที่มีโอกาสมาออกรายการนั่งคุยช่องหนึ่ง ได้สารภาพต่อหน้าภรรยาและลูกกลางรายการว่าครั้งหนึ่งเคยนอกใจภรรยาไปมีอะไรกับหญิงสาวคนอื่น ในขณะที่ประกอบอาชีพเป็นลิเกอยู่ นั้นคงกลายเป็นเครื่องการันตีได้อย่างแน่นอนว่าในสมัยก่อน ผู้ชายที่ประกอบอาชีพข้างต้นเป็นคนเจ้าชู้จริง แต่เรื่องราวที่น่าสนใจกว่าตัวตลกชื่อดังคนนั้น คือภรรยาของเขาเสียมากกว่า ว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้สามารถทนต่อการกระทำที่แสนเจ้าชู้นั้นได้ และยังคงประคับประคองชีวิตคู่ได้จนถึงวันนี้ การให้อภัย คือหัวใจหลัก                 ภรรยาของคุณพี่ตลกท่านนี้ ตอบคำถามจากพิธีกรว่าหลักการสร้างครอบครัวและอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัวนั้น ต้องมีหัวใจหลักคือการให้อภัยซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าเรื่องที่พี่ตลกคนนี้จะทำผิดอย่างร้ายแรงมากแค่ไหน การให้อภัยถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะสามารถประคองความรักและประคองคำว่าครอบครัวให้อยู่ได้ แต่คงขัดกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันที่ผู้หญิงมีความแกร่งมากขึ้นจึงมองว่าเรื่องผิดใดที่ร้ายแรงก็ไม่สมควรที่จะให้อภัย ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละบุคคลว่าจะเลือกให้อภัยเพื่อประคับประคองสิ่งหนึ่งร่วมกันต่อหรือเลือกที่จะปล่อยเพื่อประคับประคองสิ่งหนึ่งด้วยตัวเองตามลำพัง เรื่องนอกใจไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถยอมรับได้                 ต้องนับถือความคิดและน้ำใจของคุณพี่ภรรยาของตลกท่านนี้เลยว่า สามารถให้อภัยกับสามีเจ้าชู้ที่กล้าไปนอนกับหญิงอื่นได้ หากเป็นยุคปัจจุบันก็คงจะเหลือผู้หญิงประเภทนี้น้อยลงเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความคิดและทัศนคติที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มีความฉลาดมากพอที่จะตัดสินได้ว่าอะไรควรเก็บและอะไรควรตัดทิ้ง แต่ฝ่ายผู้หญิงก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องนี้ซะทีเดียว หากจะแก้ก็ต้องแก้จากต้นตอที่เป็นฝ่ายชายเพราะปัจจุบันมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่มองว่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาและคนรักเป็นเรื่องปกติ มักอ้างแค่เหตุผลแต่เพียงว่าก็แค่มีอะไรกันแต่ไม่ได้รัก ซึ่งมันไม่ใช่เหตุผลแต่มันคือคำแก้ตัวของผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ ขอให้ผู้ชายทุกคนจงจำไว้ว่าเรื่องการนอกใจไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนจะสามารถยอมรับได้ และอย่าเอาเหตุผลของการอยู่เพื่อลูกมาเป็นข้อต่อรอง เพราะหญิงยุคใหม่มีความสามารถมากพอที่จะเลี้ยงลูกให้ดีได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้ชาย                 เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือเรื่องของคนสองคนและยิ่งถ้ามีลูกด้วยแล้วละก็ มันก็จะกลายเป็นเรื่องของคนสามคน สี่คน หรือห้าคนไปโดยปริยาย ฉะนั้น หากยังอยากที่จะประคับประคองคำว่าความรักหรือครอบครัวอยู่ละก็  ก่อนคิดจะทำหรือตัดสินใจอะไรอย่ามองแต่ฝ่ายตัวเองเพียงฝ่ายเดียวเพราะเรื่องใจเขาใจเราก็สำคัญไม่แพ้เช่นกัน

ปริญญาที่ต้องแลกมากับความพยายามและหยาดเหงื่อของพ่อแม่

ปริญญาที่ต้องแลกมากับความพยายามและหยาดเหงื่อของพ่อแม่

ในวันรับปริญญาคงเป็นวันที่บัณฑิตทุกคนจะต้องภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ว่าในวันนั้นมีคนที่เขาภูมิใจมากกว่าตัวบัณฑิตเสียอีก คนๆ นั้นก็คงหนีไม่พ้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะใบปริญญาที่ลูกถืออยู่ในมือนั้น คือหยาดเหงื่อและแรงกายแรงใจที่พ่อกับแม่จะหาให้ลูกได้                 เรื่องรับปริญญาที่กำลังกลายเป็นกระแสที่ฮือฮาในโลกโซเชียลขณะนี้ เป็นคลิปวีดีโอหนึ่งที่ลูกสาวเรียบจบและรับปริญญา ณ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และได้รับการเซอร์ไพรส์จากผู้เป็นพ่อด้วยไปไวนิลขนาดใหญ่ ที่ระบุข้อความว่า “อาจารย์ขว้างเกรด 4 มาให้ ด้วยความตกใจกูเลย “หลบทัน” #เกรดอัปรีย์แต่หน้าตาดีค่ะ ขอบใจคุณลูกจบให้กูสักที” เมื่ออ่านดูแล้วก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ที่คุณพ่อแซวลูกสาวในวันรับปริญญา แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง ภายใต้ข้อความที่แซวจากคุณพ่อนั้น ก็คงซ่อนความหายเหนื่อย ความโล่งใจ และความยินดีกับความสำเร็จของลูกในวันนี้ด้วย เพราะกว่าที่ลูกจะมีวันนี้ได้คงไม่ต้องให้อธิบายว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเหนื่อยแค่ไหน                 แต่กระนั้น การรับปริญญาก็เป็นแค่เพียงก้าวแรกของชีวิตที่จะทำให้การดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบต่างหาก เพราะชีวิตในโลกของการทำงานมันช่างแตกต่างกับโลกแห่งการเรียนอย่างสิ้นเชิง เช่นนั้นแล้ว จงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกอีกใบของชีวิตได้เลย ซึ่งหากใครที่เพิ่งเป็นบัณฑิตจบใหม่และยังคงเคว้งคว้างอยู่ในอากาศไม่รู้จะไปทางไหนดี แนะนำเลยว่าให้เริ่มจากเคล็ดลับง่ายๆ เพียง 3 ข้อ ได้แก่                 1. ค้นหาตัวตน                 หากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนให้เริ่มจากตัวเองก่อน ลองหาตัวตนของตัวเองให้เจอว่ารักหรือชอบที่จะทำอะไร อะไรที่ทำแล้วจะมีความสุขมากที่สุด อะไรที่ทำแล้วจะไม่มีวันรู้สึกเบื่อ และอะไรที่ทำแล้วสามารถพูดได้อย่างเต็มบอกว่ามันคือความรัก นั้นแหละคือสิ่งที่ชอบ ถ้าไม่เริ่มจากสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบก่อนต่อให้พยายามหรือฝืนทำมากแค่ไหนก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ หรืออาจจะประสบความสำเร็จได้แต่จะไม่มีความสุขกับมัน                 2. ลงมือทำ…

คดีเสือดำที่เคยโด่งดัง แต่อาจจะกำลังถูกลืมเลือน

คดีเสือดำที่เคยโด่งดัง แต่อาจจะกำลังถูกลืมเลือน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก มีการเข้าจับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กางเต็นท์พักแรมที่ริมลำห้วยปะชิ เมื่อตรวจสอบแล้วพบซากเสือดำและซากสัตว์ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ครบครันจำนวนมาก และหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ถูกจับกุมนั้น มีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทย จึงเป็นที่จับตามองกันอย่างกระหน่ำว่า กฎหมายไทยจะมีแนวทางในการจัดการกับคดีใหญ่นี้อย่างไร                 จนถึง ณ วันนี้เป็นระยะเวลาที่ล่วงเลยผ่านมาจนครบปี แต่ก็ยังเป็นที่แน่แปลกใจว่าทำไมคดีจึงยังไม่สิ้นสุดลงเสียที ทั้งที่การเข้าจับกลุ่มในครั้งนั้นพบมีหลักฐานอย่างชัดเจน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกระลอกว่า เสือดำจะต้องตายฟรีอย่างจริงหรือ มาพร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมคนจนถึงติดคุกง่ายและทำไมคนรวยถึงเข้าคุกไม่ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีใครให้คำตอบได้อย่างกระจ่างชัดว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร เสือดำจะถูกลืมเลือนหรือไม่                 หลังจากที่ต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนาน  ประธานบริษัทท่านนั้นก็จะได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดีอยู่ร่ำไปและการดำเนินคดีที่ต้องใช้เวลา ก็กลายเป็นความกังวลของใครหลายคนว่า คดีเสือดำที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นจะกำลังถูกลืมเลือนและเลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคนหรือไม่ เพราะหากไม่มีใครติดตามหรือไม่เกิดกระแสสังคมอาจเป็นช่องโหว่ให้การดำเนินคดีพลิกผันจากคนผิดกลายเป็นคนไม่ผิดและเสือดำก็จะถูกลืมเลือนไป แต่คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นเป็นอย่างแน่ เพราะยังคงมีกลุ่มคนที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลังในการรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องดำเนินการคดีต่อ และมาพร้อมกับกระแสโซเชียลที่จะคอยเตือนให้คนไม่ลืมเลือนด้วยแฮชแท็กเสือดำต้องไม่ตายฟรี ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่อย่างน้อยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของทุกคนไม่ลืมเลือน กระบวนการยุติธรรมหรือพยายามดึงเกม                 จริงอยู่ว่าการดำเนินคดีประเภทนี้จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน แต่ถ้าระยะเวลาที่นานนั้น คือกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายอย่างแท้จริงก็ถือเป็นวิธีการที่สมควรจะเป็น แต่ถ้าการยื้อคดีเพื่อยืดอายุเวลาให้กับผู้มีอำนาจได้ดำเนินการ นั้นคงจะทำให้หลายคนคงหมดศรัทธากับกฎหมายไทยอย่างแน่นอน ฉะนั้น ผู้รักษาคนหมายทุกคนคงต้องตอบคำถามนี้ให้ดีแล้วละว่า ที่กำลังดำเนินการกันอยู่นี้ คือความถูกต้องของกฎหมายหรือความถูกต้องส่วนบุคคลกันแน่                 แต่กระนั้น วันพิพากษาคดีเสือดำดังกล่าวก็ถูกกำหนดขึ้นแล้วในวันที่ 19 มีนาคม 2562 คงอาจจะไม่ใช่วันสิ้นสุดหรือจบคดีอย่างที่ใครหลายคนหวัง แต่อย่างน้อยก็เป็นวันชี้ชะตาต่อว่าคดีเสือดำที่ถูกฆ่านั้น จะเดินหน้าไปในทิศทางไหนต่อ…

จรรยาบรรณที่ต้องกระทำ หรือจิตใต้สำนึกที่สั่งให้ต้องทำ

จรรยาบรรณที่ต้องกระทำ หรือจิตใต้สำนึกที่สั่งให้ต้องทำ

คนบนโลกโซเชียลต่างพากันแห่ชื่นชมการกระทำของนักร้องและนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่กระโดดลงไปช่วยคนนอนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุริมถนน ซึ่งถ้าฟังดูก็อาจไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกอะไร เพราะข่าวพยาบาลสาว ผู้ช่วยพยาบาล แพทย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่กระโดดลงไปช่วยคนบาดเจ็บกลางถนนก็มีให้เห็นอยู่ถมไป                 แต่ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่คนลงไปช่วยนั้นเป็นใคร มีตำแหน่งอะไร แต่มันอยู่ที่จิตใจและจิตสำนึกของคนเสียมากกว่า เพราะก็มีเหตุการณ์บ่อยครั้งที่มีคนเจ็บนอนอยู่ข้างถนน แต่คนที่เดินผ่านไปมาก็มิได้ใส่ใจหรือเหลียวแล นั้นแสดงว่าไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะกระโดดลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเหล่านั้น แต่ต้องเป็นกลุ่มคนที่มีจิตใจและจิตสำนึกของความเมตตาที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น                 อย่างกรณีของดาราหนุ่มที่มีบทบาทในชีวิตเป็นถึงนักแสดงชื่อดัง และควบวิชาชีพความเป็นหมอหนุ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้น ดาราหนุ่มคนนี้ก็สามารถเลือกที่จะสวมเพียงบทบาทของดาราคนธรรมดาคนหนึ่งและนั่งรถผ่านไปก็ทำได้ แต่เขากลับเลือกที่จะสวมบทบาทเป็นคุณหมอกระโดดลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บคนนั้นแทน ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่เขาทำมันคือสัญชาตญาณที่เกิดจากจิตใต้สำนึกของความเป็นหมอ ที่ต้องมีหน้าที่หลักในการช่วยชีวิตและรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บให้รอดพ้นจากความตาย ฟังเช่นนี้แล้วก็น่าปลื้มใจแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่นะจริงไหม                 แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังเกิดข้อสงสัยว่าทำไมสังคมไทยปัจจุบันยังคงมีแพทย์หรือพยาบาลที่ไร้จรรยาบรรณเป็นจำนวนมาก นั้นเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจหรือรู้สึกเคารพต่อหลักการจรรยาบรรณแพทย์ หรือเพราะเขาขาดจิตสำนึกของการเป็นแพทย์กันแน่ ซึ่งหลักจรรณยาบรรณง่ายๆ ที่คนเป็นแพทย์หรือพยาบาลจำเป็นต้องมีอย่างน้อย 3 ประการดังนี้                 1. ไม่เมินเฉย                 คนที่มีความเป็นแพทย์หรือพยาบาลต้องมีจิตใจหลักในการช่วยเหลือคนอื่น ไม่ละเลยหรือเมินเฉยต่อผู้บาดเจ็บที่อยู่ตรงหน้า มิใช่ว่าไม่ใช่เวลาหรือหน้าที่การปฏิบัติงานของตนก็ไม่จำเป็นที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะคนเป็นแพทย์ต้องไม่มีวันหยุด ไม่ว่าจะไปเจอคนบาดเจ็บเวลาใดที่ไหนต้องพร้อมที่จะลงไปให้ความช่วยเหลืออย่างทันที                 2. ช่วยเหลือด้วยความจริงใจ                 หากคิดจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยด้วยความจริงใจที่อยากจะช่วยเขาจริงๆ อย่าเพียงแต่จำเป็นต้องทำเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำตามเงินเดือนที่ได้รับ หรืออย่าเพียงแต่ทำเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ ขอให้ทำด้วยความจริงใจและอยากจะช่วยเหลืออย่างแท้จริง มิเช่นนั้นแล้ว การทำหน้าที่ของแพทย์หรือพยาบาลนั้นจะไม่มีความสมบูรณ์แบบเลย                 3. ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ…

แท้จริงแล้วกระแสสังคมดราม่านักแสดง ทำให้เรตติ้งละครตก คือความผิดใคร

แท้จริงแล้วกระแสสังคมดราม่านักแสดง ทำให้เรตติ้งละครตก คือความผิดใคร

คุณคิดว่าเรื่องของพฤติกรรมส่วนบุคคลจะสามารถส่งผลกระทบต่อกระแสสังคมได้มากเพียงใด สำหรับคนทั่วไปหากเกิดเรื่องให้เป็นที่จับตามองนั้นถึงจะกลายเป็นกระแสสังคม แต่ถ้าไม่ดังจริงก็มีเรื่องให้อยู่ในสังคมได้ไม่นานเดี๋ยวก็จางหาย แต่ถ้าเป็นคนของสังคมต่อให้ไม่เป็นกระแสให้จับตามองก็กลายเป็นกระแสสังคมได้                 อย่างกรณีนางเอกดังคนหนึ่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่กับชายหนุ่มที่เพิ่งหย่าขาดจากภรรยาที่เพียบพร้อม โดยกระแสสังคมได้ตีความว่าเธอเป็นผู้แย่งผู้ชายคนนั้นมาจากหญิงสาวที่แสนดี แต่เรื่องราวความจริงเป็นเช่นไรก็ไม่มีใครสามารถที่จะให้คำตอบได้อย่างชัดเจน ทำให้ปัจจุบันสังคมให้การโจมตีเธออย่างหนัก เพราะต่างก็เข้าใจว่าเธอกำลังทำผิดในเรื่องของคุณธรรมที่ควรปฏิบัติ แต่ประเด็นที่น่าสนใจและสำคัญกว่าการถูกโจมตีจากคนในสังคม คือกระแสละครที่เธอเล่นเป็นนางเอกทุกเรื่องนั้น มีเรตติ้งที่ลดน้อยลงอย่างถล่มทลาย เรียกได้ว่าน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามขึ้นต่อมาว่าการที่เรตติ้งตกลงนั้นเกิดจากคุณภาพของละครหรือกระแสจากตัวละครกันแน่                 หากมองในมุมของผู้จัดละครก็คงมีคำถามอยู่ในใจว่า ละครเรื่องนี้มันคุณภาพแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมกระแสคนดูจึงตกลงได้มากถึงขนาดนี้ แต่ถ้าสาเหตุมันไม่ได้เกิดจากคุณภาพของละครแต่เกิดจากกระแสสังคมที่ต้องการโจมตีนางเอกคนดังกล่าว เช่นนั้นแล้ว ละครเรื่องนี้ผิดอย่างไร การที่คุณโจมตีและต่อต้านผลงานของนักแสดงแต่กลับส่งผลกระทบต่อการทำงานที่มีคุณภาพของผู้จัดละคร คิดว่ามันยุติธรรมกันแล้วหรือ คงไม่มีผู้จัดละครคนไหนสามารถหยั่งรู้ได้ว่าอนาคตเรตติ้งของละครเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อทุกอย่างมันถูกดำเนินการมาอยู่แล้วก็คงทำได้แค่เพียงนำละครเรื่องนั้นออกอากาศตามแผนที่วางไว้ต่อไป อย่างน้อยถึงแม้จะขาดทุนก็ดีกว่าต้องทิ้งไปอย่างเสียเปล่า                 แต่หากมองในมุมมองของตัวนักแสดงเอง ก็คงไม่มีนักแสดงคนไหนที่อยากตกเป็นเป้าหมายกระแสสังคมหรอก เพราะนักแสดงก็แค่เพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่เหมือนกับคนทั่วๆ ไปนั้นแหละ แต่คนธรรมดาเพียงคนเดียวจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบตบมือกับกระแสที่ถาโถมเข้ามาอย่างแรง คงทำได้แค่เพียงยินยอมและยื่นหน้ารับกับแรงถาโถมที่เข้าใส่เพียงเท่านั้น ซึ่งถ้าเลือกได้เขาก็คงอยากจะเลือกเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่อยากมีที่ยืนอยู่บนสังคมได้เหมือนคนอื่นอย่างแน่นอน                 ฉะนั้น จงอย่าตัดสินใครแค่เพียงกระแสข่าวที่โจมตี เพราะไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรนอกจากตัวของเขาเอง มิเช่นนั้นแล้ว คำพูดหรือการกระทำที่คุณใช้ตัดสินเขานั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงความรู้สึกที่สูญเสียของเขาแต่อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขาเลยก็ได้

Friend Zone เส้นเขตแบ่งระหว่างเพื่อนกับแฟน

Friend Zone เส้นเขตแบ่งระหว่างเพื่อนกับแฟน

คิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดภาษาอังกฤษอย่างคำว่า Zone กันมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่า Zone นี้หมายถึงอะไร หากจะให้อธิบายอย่างสั้นๆ Zone คือกรอบหรือเส้นแบ่งเขตแดนที่ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าอยากจะเอาตัวเรานั้นไปไว้ในส่วนใดของเส้นเขตแดนนั้น บางคนอยากจะออกจาก Comfort Zone เพราะคิดว่าที่เป็นอยู่มันสบายมากเกินไป อยากจะออกไปหาความท้าทายใหม่ให้กับชีวิต หรือบางคนก็อยากจะออกจาก Friend Zone เพื่อก้าวข้ามเขตแดนของความเป็นเพื่อนกลายมาเป็นแฟน เหมือนกับหนังรักวัยรุ่นเรื่องหนึ่งที่กำลังจะลงจอในเร็ววันนี้ ที่มีจุดประสงค์ในการสื่อถึงเรื่องราวความรักปนดราม่าของเพื่อนชายหญิงสองคนที่สนิทกันมาก จนอยากจะก้าวข้ามสถานะของความเป็นเพื่อนเลื่อนมาเป็นแฟน                 เชื่อได้ว่าในปัจจุบันยังคงมีวัยรุ่นอีกหลากหลายคนที่ยังคงกักขังตัวเองอยู่ในเขตของ Friend Zone ใช้ชีวิตประมาณว่าแอบรักเพื่อนสนิทแต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกออกไป เพราะด้วยเหตุผลเพียงสั้นๆ คือการกลัวเสียเพื่อนที่แอบรักนั้นไป กลัวที่จะไม่ได้เป็นทั้งแฟนและเป็นทั้งเพื่อน จึงยินยอมที่จะทนเห็นเพื่อนที่แอบรักนั้นไปมีความรักให้กับคนอื่น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายังคงมีคนประเภทนี้หลงเหลืออยู่ในสังคมจริง แต่จะดีกว่าไหมถ้าสามารถพาตัวเองก้าวข้ามผ่านเขตกักกันนั้นออกมาได้ หากใครที่กำลังแอบหลงรักแต่ไม่กล้าบอกรักเพื่อนสนิทขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนเพื่อพาตัวเองออกจาก Zone ดังนี้                 1. รักก็บอกว่ารัก                 ถ้าหากคุณกำลังกลัวที่จะเสียใจหากบอกรักเพื่อนสนิทไปแล้วแต่เขาปฏิเสธ นั้นแปลว่าคุณไม่ได้รักเขา เพราะความรักที่แท้จริง คือคุณต้องมีความสุขเมื่อเห็นเขามีความสุขต่อให้เขาไม่ได้มีความสุขร่วมกับคุณก็ตาม หากคุณกำลังกลัวที่จะเสียใจนั้นก็หมายความว่า คุณกำลังรักแค่ตัวเอง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเมื่อบอกออกไปแล้วคำตอบจะเป็นอย่างไร แต่คุณสามารถรู้ได้ว่าอย่างน้อยก็ได้บอกความรู้สึกให้กับเพื่อนรักที่รักมากกว่าเพื่อนไปแล้ว                 2. ไม่รักก็แค่กลับไปเป็นเพื่อน                 เชื่อได้ว่าไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะตัดขาดจากความเป็นเพื่อนเพียงแค่ไม่ได้รักเพื่อนแบบแฟนอย่างแน่นอน ขอแค่เพียงคุณเข้าใจและยอมรับมันได้ ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนก็จะสามารถกลับมาเป็นเพื่อนได้ นอกเสียแต่ว่าตัวของคุณเองที่จะปิดกั้นและไม่สามารถยอมรับสถานะของความเป็นเพื่อนอีกต่อไปได้…

ประเทศไทยตรงกลางระหว่างกฎหมายและสิทธิมนุษยชน

ประเทศไทยตรงกลางระหว่างกฎหมายและสิทธิมนุษยชน

กำลังเป็นกระแสอย่างกระหน่ำบนโลกออนไลน์กับแฮชแท็ก SaveHakeen และแฮชแท็ก BoycottThailandที่มีสาเหตุมาจากกรณีนายฮาคีม อัลอาไรบี นักเตะสัญชาติบาห์เรน แต่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยประเทศออสเตรเลียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยพร้อมภรรยาซึ่งถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งแรกแต่กลับมาถูกจับกุมที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทย ตามที่บาร์เรนแจ้งคดีไว้กับอินเตอร์โพล หรือองค์กรตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประเทศไทยกำลังกลายเป็นผู้ถือสถานะของคนกลางที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และถาโถมอย่างกระหน่ำ โดยประชาชนทั้งไทยและเทศต่างก็เรียกร้องให้ปล่อยตัวฮาคีมกลับประเทศออสเตรเลีย เพราะด้วยสถานะผู้ลี้ภัยจึงมีสิทธิ์ในการคุ้มครอง แต่ด้วยหลักการทางกฎหมายสากล ประเทศบาห์เรนก็ถือเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องตัวผู้ต้องหาตามคดีหมายเรียกของประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าประเทศที่ฮาคีมควรจะกลับไปนั้นต้องเป็นประเทศใดระหว่าง บาห์เรนและออสเตรเลีย                 หากมองในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร สัญชาติไหน การใช้ชีวิตแบบใด ย่อมมีสิทธิของความเป็นมนุษย์ที่เท่าธรรมกัน นอกเสียจากบางกรณีที่จำเป็นต้องถูกจำกัดสิทธิอันมีสาเหตุมาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของเพื่อนมนุษย์หรือประเทศชาติ ซึ่งสิทธิมนุษยชนนั้น จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าความเป็นมนุษย์ ว่าด้วยเรื่องของศักดิ์ศรี ความเท่าเทียม ความเคารพในสิทธิของกันและกัน รวมถึงความเป็นอิสระของชีวิตด้วย และอย่างในกรณีของฮาคีมที่ทั่วโลกต่างก็เรียกร้องให้ประเทศไทยคำนึงถึงสิทธิความเป็นมนุษยชน โดยมีความต้องการให้ไทยส่งตัวฮาคีมกลับประเทศออสเตรเลียตามคำเรียกร้องของนายฮาคีมแต่การเรียกร้องดังกล่าวกำลังกลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของประเทศไทยมิใช่น้อย เพราะกระแสการเรียกร้องนั้นกำลังสวนทางกับหลักปฏิบัติทางกฎหมาย หากเป็นเช่นนี้แล้วประเทศไทยควรจะเลือกทางไหนดี                 กระนั้น ประเทศไทยก็ยังไม่มีคำตอบให้คนทั่วโลกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทำได้แต่เพียงควบคุมตัวไว้ชั่วคราวตามคำร้องขอความร่วมมือจากประเทศบาห์เรนเท่านั้นแต่ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว การที่ประเทศไทยถูกโจมตีอย่างหนักนั้นแท้จริงมันเป็นความผิดที่เกิดจากการกระทำของประเทศอย่างนั้นหรือ ถ้าในเมื่อประเทศไทยไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดกับการจับกุมฮาคีมในครั้งนี้ ทำไมถึงต้องกลายเป็นผู้ต้องหาของสังคมระดับโลก นี้หรือคือสิทธิมนุษยชนที่ประเทศได้รับ                 ถ้าทุกคนทั่วโลกต่างที่จะมุ่งเน้นการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนของนายฮาคีม ก็จงอย่าลืมความเป็นสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยด้วย เพราะการถูกโจมตีและกลายเป็นกระแสสังคมในระดับประเทศคงไม่ใช่เรื่องที่จะน่าภูมิใจมากสักเท่าไร ยิ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยแล้ว คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน

รุ่นพี่-รุ่นน้อง วัฒนธรรม สังคมหรือการแบ่งชนชั้น

รุ่นพี่-รุ่นน้อง วัฒนธรรม สังคมหรือการแบ่งชนชั้น

จากกรณีข่าวเด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 รุมทำร้ายเด็กชั้น ม.2 และให้แสดงพฤติกรรมก้มกราบที่เกิดขึ้นบนโลกโซเชียลในขณะนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่สถานศึกษาจะต้องพิจารณาได้แล้วว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับเด็กวัยรุ่นในสังคมไทย                 หากบอกว่าสิ่งที่เด็กนักเรียนรุ่นพี่ทำเกิดจากความคึกคะนอง หรือกิจกรรมที่เล่นกันระหว่างกลุ่มเพื่อน คนเป็นพ่อเป็นแม่และเป็นครู ก็คงต้องหาคำตอบร่วมกันแล้วละว่า อะไรที่ทำให้เด็กที่มีอายุเพียงเท่านี้คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นคือเรื่องสนุกสนาน เพราะด้วยพฤติกรรมส่วนบุคคล วัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา สังคมที่สร้างความคุ้นชิน หรือว่าการบ่งบอกสถานะตามชนชั้นกันแน่                 วัฒนธรรม คือ การกระทำหรือการปฏิบัติตนที่สืบทอดปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง ความจริงแล้วการที่เด็กกลุ่มนี้สามารถที่จะทำร้ายเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอายุน้อยกว่าได้อย่างไม่มีความเกรงกลัวที่จะถูกลงโทษ อาจจะมีสาเหตุมาจากการถูกกระทำมาก่อนก็ได้ เพราะในสมัยอดีตเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กอยู่ชั้น ม.2 เขาอาจจะเคยถูกรุ่นพี่ชั้น ม.3 ทำแบบที่เขาทำกับรุ่นน้องก็เป็นได้                 สังคม คือ สภาพแวดล้อมที่จะสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมและการกระทำของคนๆ หนึ่ง ฉะนั้น การแสดงออกของพฤติกรรมเด็กหนึ่งคนย่อมต้องมีต้นตอมาจากการเลี้ยงดูหรือการปลูกฝั่งของคนในครอบครัว เพราะการที่เด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงได้มากขนาดนี้ คงไม่อาจเกิดจากนิสัยใจคอจากภายในของเด็กจริงๆ เพียงอย่างเดียวอย่างแน่นอน เขาอาจจะเคยพบเห็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรืออาจจะเคยร่วมกันแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีร่วมกับรุ่นพี่ จึงทำให้พฤติกรรมเหล่านั้นติดตัวของเขามาโดยตลอด เช่นนั้นแล้วคำว่า สังคม จึงต้องหมายความรวมถึงทุกสิ่งอย่างที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวและชีวิตของเขา ก็คงต้องกลายเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ และคุณครูที่จะต้องคอยแยกให้เขาว่าสังคมแบบไหนที่ควรเก็บ และสังคมแบบไหนที่ควรเมินหน้าหนี                 แบ่งชนชั้น บางทีจุดประสงค์หลักที่เด็กเหล่านั้นกระทำลงไปอาจจะแค่เพียงต้องการสื่อสารให้รู้ว่า คนมาก่อนนับเป็นพี่ คนมาหลังนับเป็นน้อง ดังนั้น รุ่นน้องก็จะต้องเคารพและเชื่อฟังรุ่นพี่ก็เท่านั้น…

ฝุ่นตัวเล็กที่ไม่เล็ก ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ไม่ควรมองข้าม

ฝุ่นตัวเล็กที่ไม่เล็ก ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ไม่ควรมองข้าม

กระแสข่าวที่กำลังเป็นที่จับตามองในปัจจุบันขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 ที่กำลังฟุ้งอยู่ในอากาศทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนักเป็นอย่างมากให้กับประชาชน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จริงๆ ว่าเจ้าฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้มันจะสามารถทำลายสุขภาพและชีวิตเราได้อย่างไร หรือการที่ใส่หน้ากากในทุกวันนี้ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองอย่างจริงจังหรือเป็นเพียงแค่การทำตามกระแสให้เหมือนสังคมคนอื่น                 PM (Particulate Matters) คือ ค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายถึงหน่วยไมครอนหรือไมโครเมตร เจ้าฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็ก แขวนลอยอยู่ในอากาศร่วมกับไอน้ำ ฝุ่นควัน และก๊าซต่างๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยความที่เจ้าฝุ่นละออง PM 2.5 นี้มีขนาดที่เล็กมาก ทำให้มนุษย์สามารถสูดดมฝุ่นละอองเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อผ่านเข้าไปถึงลมปอดก็จะแทรกซึมและกระจายตัวอยู่ในเส้นเลือดฝอยทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ระบบหลอดเลือด และที่สำคัญทำให้ปอดต้องมีหน้าที่ในการทำงานที่หนักขึ้นด้วย PM 2.5 เกิดจากอะไร                 สาเหตุของการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 นั้นมีหลากหลายปัจจัย แต่ที่มองว่าเป็นปัจจัยหลัก คือเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์แบบ และฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรายวัน เช่น…