ความพอเพียง แบบไหนถึงเรียกว่า “เพียงพอ”

ความพอเพียง แบบไหนถึงเรียกว่า “เพียงพอ”

ในยุคปัจจุบันการแข่งขันทางสังคมในด้านต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และถูกพัฒนาไปพร้อม ๆ กับเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นโดยมนุษย์ ที่มีความตั้งใจตอบสนองความต้องการและปัจจัยพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ความพยายามและการพัฒนาเพื่อต่อยอดทางด้านความคิด และการออกแบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ หรือเพื่อการแข่งขันทางการตลาด อันนำมาซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะพาไปสู่การพัฒนาที่สามารถเป็นฐานเศรษฐกิจที่มั่งคั่งและมั่นคง โดยการประกอบอาชีพปัจจุบันที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง การขนส่ง และสาธารณูปโภคต่าง ๆ จึงส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ บวกกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย จนถึงยุคปัจจุบันไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากไปกว่า “เงิน” อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ที่ทำเพื่อการตอบสนองความต้องการของตนเอง ความร่ำรวย หรือสังคมที่มีระดับชนชั้น นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ก็ยังมีการแข่งขัน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การเอารัดเอาเปรียบ แม้กระทั่งเกิดปัญหามากมายที่มีในสังคมระหว่างชนชั้น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ที่มาพร้อม ๆ กับความต้องการของมนุษย์ ด้วยกระแสพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้แนวทางกับคนไทยเกี่ยวเรื่องของความพอเพียง การใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และการออกแบบการใช้ชีวิตด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ทำให้ผู้คนมากมายเห็นความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางการดำรงชีวิตด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ชีวิตของตนเองนั้นหากนำหลักความพอเพียงมาใช้ก็จะทำให้มีความพอดีและหลบหลีกจากปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมากมายนั้น เช่น การทำเกษตรสวนพอเพียง การออกแบบพื้นที่ในการทำเกษตรที่ปลอดภัย การรณรงค์การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลง ทั้งนี้ก่อให้เกิดเป็นการเรียนรู้และความสนใจของกลุ่มคนมากมายในสังคมที่อยากใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทั้งหน่วยงานราชการ กลุ่มประชาชน และผู้คนที่สนใจมากมายที่เห็นความสำคัญและส่งเสริมผลักดันให้เกิดเป็นกลุ่มชุมชนพอเพียง และส่งเสริมให้เกษตรกร ประชาชนทุกชนชั้นได้เรียนรู้ถึงความพอเพียงในชีวิตที่สามารถพาตนเองและคนรอบข้างสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างพอดีไม่เกิดปัญหาและสามารถพึ่งพาตนเองได้รวมไปถึงพึ่งพากันและกัน  เพื่อที่จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ชุมชน สังคม มีความมั่นคงอย่างแท้จริง มีความเข้มแข็ง เข้าใจซึ่งกันและบนพื้นฐานของความพอเพียง…

เมื่อกฎระเบียบไม่ได้มีไว้แหก แต่กฎระเบียบมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

เมื่อกฎระเบียบไม่ได้มีไว้แหก แต่กฎระเบียบมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

จากข่าวที่ค่อนข้างสะเทือนใจเมื่อชายคนหนึ่งเข้าไปเล่นน้ำในบ่อน้ำเขตหวงห้ามเพราะน้ำลึก จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในบ่อน้ำ เป็นอุทาหรณ์ให้หลาย ๆ คนที่ละเลยกับป้ายเตือนหรือคนที่ชอบฝ่าฝืนกฎระเบียบ ข้อตกลง และข้อบังคับ กรณีแบบเหตุการณ์นี้ไม่ใช่กรณีแรก แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่คนฝ่าฝืนกฎและสุดท้ายจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า แต่เหตุผลอะไร ทั้ง ๆ ที่มีป้ายเตือน หรือข้อห้าม แต่คนเราก็ยังเลือกที่จะฝ่าฝืน ความท้าทายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเราชอบทำมากที่สุด การได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ การแหกกฎ หรือการแสดงออกที่แตกต่างเป็นความเชื่อที่ว่า การทำสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวเองดูพิเศษและดูเหนือกว่าคนปกติที่ทำตามข้อบังคับต่าง ๆ หากเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังพอเป็นความท้าทาย ความตื่นเต้นในชีวิต แต่ว่ามันมักจะไม่จบแค่นั้น เมื่อความท้าทายแต่ละคนที่ได้มา มักแลกมาด้วยชีวิตเสมอ นอกจากความท้าทายแล้ว ก็เป็นความเผอเรอ ไม่สนใจหรือใส่ใจสิ่งรอบข้าง ไม่สังเกตป้ายเตือน หรือสัญลักษณ์ห้ามเข้าต่าง ๆ ความสะเพร่า เป็นสาเหตุที่นำพาไปสู่การได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่ต่างกับการรณรงค์เกี่ยวกับการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่าง ๆ แต่น่าแปลกคนส่วนใหญ่กลับรู้สึกไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวของคุณเองทั้งนั้น กลับมองว่าเป็นรุกล้ำพื้นที่ส่วนตน หรือสร้างความน่ารำคาญใจ และเลือกที่จะตามใจตนเอง เพราะอยากแสดงความต่าง ขาดการยับยั้งชั่งใจ ฝ่าฝืนกฎระเบียบไปด้วยความคึกคะนอง โชคร้ายมาจบที่ครอบครัวต้องมาเสียใจรับเคราะห์จากการกระทำโดยประมาท ที่ต้องแก้ไขอันดับแรก คือทัศนคติของเราต่อกฎระเบียบและข้อบังคับ หลายคนมองว่ามันยุ่งยาก วุ่นวาย…

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

ความอดทน จะช่วยให้ความรักไปรอดจริงหรือ

เราคงเคยได้ยินมาบ้างว่า การมีจะมีความรักนั้นเราต้องรู้จักมีความอดทนอดกลั้น เพื่อจะที่รักษาและพยุงความสัมพันธ์ของเราไปให้ตลอดรอดฝั่ง แต่หลังจากรายการพูดคุยต่อตัวต่อรายการหนึ่งได้สะท้อนเรื่องราวออกมาให้เห็นว่า การอดทนไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความรักที่ดี และความอดทนในบางความสัมพันธ์ก็มีมากจนเกินความพอดี และความอดทนของเรากลายเป็นการทำร้ายใจตัวเอง หรือบางคนอาจจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยด้วยซ้ำ มีผู้ประสบปัญหาด้านความรัก ผลัดเปลี่ยนกันมาพูดเรื่องความรักของตนเอง แต่ที่น่าตกใจคือหลายคนมีปัญหาเดียวกัน คือการมีความอดทนมากจนเกินไป อดทนกับความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว มีทั้งกรณีที่อดทนทำดีเพื่อคิดว่าจะได้ความรักกลับมาเป็นการตอบแทนความดี หรือบางคนยอมลดคุณค่าของตนเอง ยอมเป็นตัวสำรองของคนอื่น ยอมให้ภรรยาหรือสามีของตนเองไปมีคนอื่น แต่กรณีที่หนักสุดคือการอดทน ยอมให้เค้าทำร้ายร่างกายและยอมเป็นฝ่ายผิดเพื่อรักษาคนคนหนึ่งไว้ เป็นฝ่ายขอโทษก่อนเสมอแม้ตนเองจะเจ็บเจียนตาย คำถามคือ ทำไมคนเหล่านี้ถึงทน ยอมเพราะรัก ทุกคนให้คำตอบนี้ มันอาจจะดูสั้น ๆ เชื่อเถอะว่ามันเป็นคำตอบที่ครอบคลุมทุกคำถามของการอดทนแล้ว แต่มันอาจจะเป็นรักที่มีมากกว่ารักตัวเอง และคาดหวังว่าจะได้รับความรักเป็นสิ่งตอบแทน หากพวกเขาอดทน แต่ความอดทนของคนเราก็ต้องรู้จักใช้ให้ถูกที่ ถูกคนและถูกเวลา ความอดทนที่ใช้ไปกับคนเห็นแก่ตัว ต่อให้ทุ่มเทมากแค่ไหนสิ่งที่ได้กลับมาก็ว่างเปล่าอยู่ดี ต่อให้พยายามแค่ไหน ถ้าคนที่ได้รับไม่เห็นคุณค่า มันก็เหมือนเราวิ่งเพื่อไปถึงเส้นชัยคนเดียว และอีกคนก็เป็นตัวรั้งตัวถ่วงตลอดทาง ความอดทนของบางคนใช้แล้วหมดไป บางคนก็มีความอดทนอยู่น้อยนิดซะเหลือเกิน หรือแท้จริงแล้วไม่ได้รักมากพอที่จะอดทนหรือเปล่า ในขณะที่อีกฝ่าย ใช้ความอดทนล้นเหลือ ทนแล้วทนอีก ทนอย่างมีความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเห็นใจ จะมองเห็นในสิ่งที่เราทำ แต่สุดท้ายเวลาจะเป็นตัวตัดสินเป็นตัวพิสูจน์ หากเราทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่แล้ว ยอมมากพอแล้ว อดทนจนถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งเราจะสามารถหยุดได้เอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับพลังในการอดทนของแต่ละคน บางคนเจอปัญหาระดับ 3 ความอดทนก็หมดลงแล้ว แต่หลายคนทนจนปัญหาถึงระดับ…

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

ควรหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่าของเราและเพื่อนสนิท

เป็นประเด็นร้อนแรงที่มีการถกเถียงกันในโซเชียล การเลิกรากับคนรักเป็นสิ่งที่เกิดเป็นปกติอยู่แล้ว หากเข้ากันไม่ได้ก็เลิกรากันไป แต่ถ้าวันหนึ่งคนที่เคยรัก โคจรมาพบรักกับเพื่อนสนิทที่เรารักมากล่ะเราจะทำอย่างไร มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนไม่น้อยถกปัญหาเรื่องนี้ โดย 1 ในผู้ใช้โซเชียลกล่าวถึงเหตุการณ์ที่แฟนเก่าของเรามาคบกับเพื่อนสนิทของตนเองว่า “ต่อให้เราหมดใจ ไม่มีความรู้สึกดีๆให้กับอดีตคนรักแล้วก็เถอะ เราก็คงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี” แล้วก็มีหลากหลายความเห็น หลายคนเห็นด้วย และหลายคนเห็นต่าง แท้จริงแล้วอะไรคือปัจจัยในการทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนตนเองได้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งยอมรับไม่ได้ สาเหตุแรกที่สำคัญที่ทำให้คนไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทของตนเองสามารถคบกับแฟนเก่าได้คือ เพราะยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่าอยู่ ยังรักแฟนเก่าอยู่ ดังนั้นการที่แฟนเก่ามาคบกับเพื่อนสนิทตนเองนั้นยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองเป็นอย่างมาก และยิ่งเจ็บมากหากเรื่องนี้เพื่อนสนิทของเราก็รู้ดี อันดับต่อมาคือ การเลิกรากันไม่ดี ถ้าอีกฝ่ายทำร้ายความรู้สึกกันอย่างสุด ๆ แน่นอนเวลามีปัญหาเกี่ยวกับแฟน คนแรกที่เราจะบอกคือเพื่อนสนิท แต่ถ้าหากเพื่อนสนิทที่รับรู้ถึงปัญหาแย่ ๆ ของเรา แต่ยืนยันที่จะคบกับแฟนเก่า ก็เป็นการที่ทำให้รู้สึกแย่ได้เช่นกัน อันดับต่อมาคือการที่หลายคนยังรู้สึกไม่สะดวกใจและอึดอัดที่จะเห็นคนรักเก่าของตนเองมาคบกับเพื่อนสนิท แม้จะไม่ได้รักแล้ว แต่ทำให้ระแวงและสงสัยว่าไปแอบสานสัมพันธ์กันตอนไหนและเป็นช่วงเวลาที่คบกับตนเองหรือเปล่า มีอีกหลายสาเหตุมากที่คนเราไม่สามารถยอมรับให้เพื่อนสนิทคบกับแฟนเก่าได้ แต่หลายคนก็ยอมรับได้ ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความสนิทของเพื่อนคนดังกล่าว หากสนิทกันประมาณหนึ่งก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทคนเดียวในชีวิตก็อาจจะค่อนข้างยอบรับยากเช่นกัน แต่ก็มีคนให้เหตุผลอีกอย่างว่า ถ้าเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ จะไม่มีทางคบกับแฟนเก่าของตนเองแน่นอน  การที่คนสองคนจะคบกัน เราคงไม่สามารถห้ามได้ หากคนทั้งสองไม่ได้มีพันธะกับใคร ไม่ได้เป็นมือที่สามหรือแย่งใครมา ถ้าเพื่อนสนิทของเราจะคบกับแฟนเก่าเรามันก็คงไม่ใช่เรื่องผิด มันขึ้นอยู่กับความแคร์ใจของเพื่อนเรามากกว่า แน่นอนแฟนเก่าเราคงไม่สนใจความรู้สึกของเราหรอก แต่อีกฝ่ายในฐานะเพื่อนสนิทก็ควรมีวิธีถนอมความรู้สึกกับเพื่อนสนิทของตนเองเช่นกัน เพราะเพื่อนสนิทก็สำคัญและความรักที่เกิดก็ขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ต้องขึ้นอยู่กับคนกลางว่าจะรักษาสมดุลกับคนทั้งสองฝั่งไว้ได้อย่างไร…

ชนชั้นทางสังคม ใครกันแน่ที่เป็นคนแบ่ง

ชนชั้นทางสังคม ใครกันแน่ที่เป็นคนแบ่ง

จากกรณีข่าวของช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ที่ได้ร่วมบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร เพื่อส่งไปยังหอจดหมายเหตุ โดยผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้ Post รูปเยาวชน 5 คน ในมือของแต่ละคนมีกล้องขนาดใหญ่อยู่ด้วย แต่ก็มีกระแสดราม่าเกิดขึ้น เมื่อมีผู้ใช้โซเชียลบางส่วนได้วิจารณ์เกี่ยวกับราคาของกล้องที่ค่อนข้างแพงและผู้ครอบครองยังเป็นเยาวชนที่อายุยังน้อย เลยได้เกิดคำวิจารณ์เช่น “ไม่รวยเป็นจิตอาสาไม่ได้นะจ๊ะงานนี้ แต่ก็โอนะทำให้ฟรี ๆ” ซึ่งก็มีผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากที่ออกมาปกป้องว่า น้องมีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือสังคมและการที่ครอบครัวน้องจะร่ำรวยมีเงินซื้อกล้องตัวแพง ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถือเป็นการสนับสนุนเด็ก ๆ ในสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ การแบ่งชนชั้นทางสังคมไทยมีมาตั้งแต่สมัยอดีตและปัจจุบันก็ได้บางเบาลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้สิ่งที่ตนเองถูกปลูกฝังตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ จากพ่อแม่ หรือสื่อละครมาขีดเส้นแบ่งให้ตนเองแตกต่างจากคนอื่น จากกรณีนี้ยังเห็นได้ว่า ภาพการแบ่งชนชั้นทางสังคมของไทยยังคงมีอยู่ ในขณะที่หลายคนเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมกันทางสังคมแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตนเองก็มีส่วนในการแบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะเป็น รวยจน เก่งหรือไม่เก่ง มีชื่อเสียงหรือไม่มี หากเราได้ลองติดตามสังคมอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าความคิดของคนจำนวนไม่น้อยที่ตีกรอบให้กับตนเองโดยอ้างสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวและแสดงออกมาแบบดราม่าข้างต้น หลายคนแสดงออกการแบ่งชนชั้นของตนเองมาในรูปแบบความอิจฉา กลายเป็นโกรธเกลียด หรือไม่ชอบใจบุคคลที่แตกต่างจากตนเองไปเลย แม้ว่าจะไม่มีใครมานั่งบอกหรือต่อว่า แต่กลุ่มคนลักษณะนี้จะชิงแบ่งแยกตนเองออกก่อน อีกนัยหนึ่งก็เพื่อแสดงจุดยืนและปกป้องตนเอง คิดว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยให้ตนเองรู้สึกสบายใจและทัดเทียมมากยิ่งขึ้น อาจเพราะมีปมภายในจิตใจหรืออยากมีแบบคนอื่นแต่ไม่มีแรงฮึดมากพอที่จะทำ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะมักเห็นคนที่มักแสดงความเห็นแนวนี้ในโลกโซเชียลเสมอ หากมีคนรวยกว่า หน้าตาดีกว่า เก่งกว่า ก็จะมานั่งตัดพ้อกับโลกและกับตนเองว่าคงไม่มีและพยายามหาข้อเสียอื่น ๆ มาหักล้างข้อดีหรือความโชคดีของคนอื่น…

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

เพราะตัวหนังสือไม่มีเสียง ปัญหาหลักของโลกออนไลน์

ถ้าข้อดีของโลกออนไลน์คือความรวดเร็ว ความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร แต่ทำไมถึงยังมีปัญหาตามมาในรูปแบบการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นได้อย่างสนุกปากมากกว่าการที่เราจะกล้าพูดออกไปในชีวิตจริง พอเป็นแค่ตัวหนังสือที่สามารถพิมพ์ได้ง่ายและรวดเร็ว หลายคนจึงขาดการยับยั้งชั่งใจ ด้วยความสะดวกและทั่วถึงง่ายของโลกออนไลน์ ทำให้ความเป็นส่วนตัวไม่มีอยู่จริง หลายครั้งที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งบนโลกออนไลน์ ส่วนหนึ่งมาจากความตั้งใจของผู้ใช้ และมีจำนวนไม่น้อยเลยที่มาจากความผิดพลาดของการสื่อสารในรูปแบบการพิมพ์ผ่านตัวหนังสือ ดังกรณีของผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่ง ที่ได้มีการ Post  ลงใน Account ส่วนตัวของตัวเองบ่นเรื่องการเดินทางในชีวิตประจำวันมีใจความว่า “อยากอ้วกแต่อยู่บนบีทีเอส อีกสถานีเดียวอดทนไว้กู” ซึ่งหลังจากผู้ใช้รายนี้ได้ Post ลงไปสักพัก ก็มี Account สาธารณะของขนส่งสาธารณะดังกล่าวออกมาตอบใจความว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต ครั้งหน้าถ้ารู้สึกไม่สบายสะกิดเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ บีทีเอสมีห้องพยาบาลทุกสถานีครับ” หลังจากข้อความนี้ของ Account ดังกล่าวได้ Post ลงไป ก็มีกระแสวิจารณ์อย่างหนักกับคำว่า “ตกลงอ้วกไหมจ๊ะ จะอ้วกแท้ ๆ ยังหยิบมือถือมาทวิต” ว่าเป็นข้อความที่ดูเหมือนไม่ได้แสดงความห่วงใยต่อผู้โดยสารอย่างแท้จริง และการที่ผู้โดย Post เรื่องราวของตนเองในพื้นที่ส่วนตัวของตน ไม่ได้มีการ mention ถึงหรือมีความประสงค์ให้แก้ไขหรือปรับปรุง Account สาธารณะดังกล่าวไม่ควรรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีทั้งคนที่อยู่ฝั่งผู้ใช้โซเชียล และฝั่ง Admin ของ Account…

เมื่อการทำ “ความดี” ของคนในปัจจุบันคือการแข่งขัน

เมื่อการทำ “ความดี” ของคนในปัจจุบันคือการแข่งขัน

ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เราถูกปลูกฝังให้ความทำดีมาตลอดจนโต ไม่ว่าไปที่ไหนผู้คนจะยกย่องคนที่ทำความดี ซึ่งมีทั้งคนที่ทำเพราะตั้งใจทำจริง ๆ กับคนที่ทำเพราะอยากได้รับการยกย่องเชิดชู แต่ว่าการทำความดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นในสังคมเราคงไม่มีตำรวจไว้จับผู้ร้าย คงไม่มีคุกไว้ขัง ดังนั้นการจะหาคนที่ทำความดีเพราะมีความตั้งใจจริงในสังคมปัจจุบันก็ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ จากกรณีข่าวกู้ภัย 2 กลุ่มตีกันเพราะแย่งผู้ประสบอุบัติเหตุถือเป็นข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจเลยทีเดียว จากที่ทราบกันดีว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ก็ตาม จะมีมูลนิธิต่าง ๆ มาคอยช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นจิตอาสาที่มีใจมุ่งมั่นอยากช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือสิ่งที่เราคิดกัน แต่ปัจจุบันการทำความดีถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็หาได้ยากมากจริง ๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว หากมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นจริง กู้ภัยทั้ง 2 ฝ่ายควรจะระงับอารมณ์และสนใจผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่าจะก่อเหตุทะเลาะวิวาท แล้วถ้าจุดมุ่งหมายไม่ใช่การทำความดีแล้วคืออะไร ในปัจจุบันมูลนิธิ สมาคม กู้ภัยต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด มีหลายแห่งที่มีเจตจำนงและเป้าหมายที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้อื่นจริง ๆ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่อาศัยช่องโหว่บางอย่างในการทำให้เกิดผลประโยชน์แก่ตนเอง แต่ถ้าถามว่า แล้วการมาทำส่วนนี้ได้ผลประโยชน์อะไร เพราะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือกู้ภัยต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจ แถมยังเป็นงานที่หนักและเหนื่อยด้วย และนี่คือผลพลอยได้ที่จะตามคือ เงินบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าเก็บศพ หรือเงินสมทบทุนช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตาต่าง ๆ เงินสนับสนุน สนับสนุนอุปกรณ์ พาหนะ ต่าง ๆ…

การขนส่งสาธารณะของไทยเหมาะสมแล้วหรือกับการขึ้นราคา

การขนส่งสาธารณะของไทยเหมาะสมแล้วหรือกับการขึ้นราคา

ปัญหาการคมนาคมของไทยมีมากขึ้นทุกวี่วัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหารถติด ปัญหาเส้นทางจราจร ปัญหามอเตอร์ไซค์บนทางเท้า แต่ว่าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการแก้ไขที่ชัดเจนหรือได้ผลเลย ปัญหาเดิมซ้ำ ๆ ยังคงเกิดขึ้นมาตลอด และดูไม่มีทีท่าว่าจะมีใครที่จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย การขนส่งสาธารณะจึงเป็นอีกตัวเลือกสำคัญที่คนหันมาใช้กัน แต่ว่าเมื่อมองเห็นราคาค่าโดยสารที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว มีผู้ใช้บริการจำนวนไม่น้อยที่มีคำถามในใจว่าเหมาะสมแล้วหรือ หากลองดูรูปแบบของขนส่งสาธารณะของบ้านเราก็จะสามารถแบ่งประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ รถเมล์ รถเมล์เป็นขนส่งสาธารณะที่คนนิยมใช้ค่อนข้างมาก เพราะราคาถูกและเส้นทางก็มีหลากหลาย แต่การปรับขึ้นราคาของรถเมล์ก็ส่งผลต่อคนจำนวนไม่ได้น้อย ส่วนใหญ่มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่สมเหตุสมผล หากเป็นรถ ขสมก. ที่เป็นรถแอร์ก็ยินยอมได้ เพราะด้วยคุณภาพของรถและการบริการ คนก็ยอมจ่ายในราคาที่เพิ่มขึ้น แต่หากเป็นรถร่วมที่สภาพค่อนข้างเก่าและการบริการที่ไม่ได้ค่อยได้มาตรฐานหลายคนก็แย้ง รถไฟฟ้า BTS MRT และ Airport Link นับว่าเป็นขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมสำหรับคนเมือง เพราะความรวดเร็วทันใจ คนจึงนิยมใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง แต่ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งสวนทางกับคุณภาพของรถไฟฟ้าที่เก่าลง โดยเฉพาะ BTS ที่เกิดเหตุขัดข้องบ่อยจนส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกออนไลน์และสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทำงานเป็นอย่างมาก รถทัวร์ รถบัสโดยสาร สำหรับคนที่ต้องเดินทางเป็นหมู่คณะหรือเดินทางไกล จะนิยมใช้โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่จะคึกคักมาก และรถมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสาร รถตู้ รถตู้มีบริการอยู่ทุกที่ทั่วประเทศ และค่อนข้างมีปัญหาบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการอัดผู้โดยสารเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด หรือการรับส่งผู้โดยสารนอกส้นทาง รถไฟ เป็นขนส่งสาธารณะที่คนนิยมใช้ในการเดินทางไกล…

หมดยุคของรักสามเส้า รักสี่เส้ากำลังมาแรง เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบัน

หมดยุคของรักสามเส้า รักสี่เส้ากำลังมาแรง เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบัน

ถ้าหากได้ติดตามรายการวิทยุหลาย ๆ รายการจะเห็นเรื่องราวของคนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ การนอกใจกัน โทรเข้ามาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง หากเป็นเรื่องรักสามเส้า เราก็คงได้ยินกันมานานแล้ว มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้กลับเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของคนมากกว่า 3 เลยทีเดียว แต่อะไรคือปัจจัยให้เกิดความสัมพันธ์เชิงซ้อนแบบนี้                 ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญคงไม่พ้นโลกออนไลน์ ไม่ใช่ว่ารักออนไลน์จะไม่มีอยู่จริง แต่ไม่มีรักออนไลน์ที่ไหนประสบความสำเร็จถ้าไม่ได้ผ่านการเจอตัวจริงและทำความรู้จักกันในโลกแห่งความจริงเสียก่อน และด้วยสรรพคุณสื่อสารรวดเร็ว ทั่วถึงนี้ จึงเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้คนมีโอกาสได้เจอกันมากขึ้น และมีช่องทางที่ค่อนข้างส่วนตัวในการติดต่อสื่อสารเป็นสำคัญ หากเปรียบเทียบในอดีตการจะสื่อสารหรือจีบใครสักคนหนึ่ง ต้องใช้จดหมาย กว่าจะเขียนเสร็จ กว่าจะส่งไปรษณีย์ไปถึงก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร แต่ปัจจุบันเวลาเพียงเสี้ยววิ สามารถที่จะส่ง Direct message หาคนได้หลายคน หรือบางทีจะเลือกคุยพร้อม ๆ กันก็ยังทำได้ เปิดหู เปิดตาให้กว้างไกล เจอคนคุยถูกใจก็สามารถแอบคุยโดยที่รู้กันแค่ 2 คนเท่านั้น เรียกได้ว่า มุมหลบเลี่ยงในการแอบมีปฏิสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว                 ค่านิยมที่เปลี่ยนไป หากเปรียบเทียบในสมัยก่อน การที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนถือว่าเป็นเรื่องปกติ มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกัน ผู้หญิงจะถูกสอนให้ซื่อสัตย์และอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่าง ๆ ภายในครอบครัว การหย่าร้างสำหรับคนสมัยก่อนถือเป็นค่อนข้างน่าอายสำหรับผู้หญิงที่ต้องเป็นหม้าย แม้ปัจจุบันสถิติการหย่าร้างจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ยอมหย่าเพราะเหตุผลกล่าวอ้างว่า เป็นห่วงลูกบ้าง หรือยังมีพันธสัญญาต่อกัน คนในกลุ่มนี้จะเลือกหาที่พึ่งทางใจที่อื่น นั่นก็คือการมีคนใหม่ทั้ง…

โรคซึมเศร้า ภัยใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ไม่เลือกคน ไม่เลือกเวลา

โรคซึมเศร้า ภัยใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ไม่เลือกคน ไม่เลือกเวลา

พาดหัวข่าว นางเอก MV โดดคอนโดหรูดับสยอง ของเช้าวันหนึ่ง หลายคนคงอ่านข่าวแล้วรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย เมื่อพบว่า ผู้เสียชีวิตกระโดดลงมาในวันเดียวกันที่ผลงานนางเอก MV เพลงของตนเองออกเผยแพร่พอดี แน่นอนคำถามในใจของทุกคนคือ หญิงสาวที่อายุยังน้อย กำลังอยู่ในช่วงมีชื่อเสียง มีที่พักอยู่สบาย ทำไมต้องตัดสินใจทำแบบนี้ และเมื่อสอบถามจากคนใกล้ตัว พบว่าก่อนเสียชีวิตหญิงสาวได้มีการ Post ในลักษณะไม่มีใครเข้าใจตนเอง และมีอาการของ “โรคซึมเศร้า” ร่วมด้วย นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น ข่าวการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีให้เห็นค่อนข้างเยอะมากในปัจจุบัน และหลายกรณีที่ภายนอกผู้ป่วยดูร่าเริง สดใสดี แต่แล้วจู่ ๆ ก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง ในสังคมปัจจุบันผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็มีจำนวนมากขึ้น หลายครั้งก็ปะปนไปกับคนที่มีอาการเศร้าเพื่อเรียกร้องความสนใจ จึงเป็นการยากมากที่เราจะสามารถแยกแยะผู้ป่วยจริงกับคนที่เรียกร้องความสนใจออกจากกันได้ เมื่อแยกแยะไม่ได้จึงทำให้หลายคนไม่เข้าใจ และอาจจะเผลอทำอะไรกระทบกระทั่งผู้ป่วยได้ วิธีรับมือกับโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาท ฮอร์โมนและวงจรระบบประสาทภายในสมอง ดังนั้นเมื่อมีอาการของโรค หรือรู้สึกมีความผิดปกติทางด้านจิตใจจึงควรเข้าปรึกษาแพทย์ หลายคนไม่กล้าไปพบจิตแพทย์เพราะกลัวคนจะคิดว่าตนเองเป็นบ้า แต่แท้จริงแล้วการไปพบจิตแพทย์ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นคนบ้าเสมอไป อันดับแรกต้องให้ผู้ป่วยยอมรับตนเองเสียก่อน หากเรายอมรับว่าตนเองป่วยก็จะนำไปสู่การยอมเข้ารับการรักษา ทั้งนี้ญาติผู้ป่วยเองก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับอาการของโรค เพื่อที่จะสามารถดูแลผู้ป่วยได้ คนรอบตัวผู้ป่วยถือว่าเป็นส่วนสำคัญมาก หากผู้ป่วยมีกำลังใจที่ดีก็จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยเอง ที่สำคัญผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะสามารถเกิดความคิดอยากฆ่าตัวเองได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเรื่องที่ทำให้เสียใจหรือกระทบจิตใจ เพราะมันเป็นอาการของโรค ควรใส่ใจคนใกล้ตัวของคุณสักนิด คอยสังเกตและเอาใจใส่ยามเมื่อมีปัญหา เพราะบางครั้งหลายคนก็เก็บอาการค่อนข้างเก่ง และที่สำคัญการเรียกร้องความสนใจจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าเขาจะเป็นโรคหรือไม่…